ทำไมวันวาเลนไทน์ ถึงให้ ช็อกโกแลต

วันที่เผยแพร่: 
Mon 14 February 2022

   สงสัยกันไหมครับ ว่าของขวัญที่มอบให้กันในวันวาเลนไทน์ นอกจากดอกกุหลาบ แล้ว ทำไมถึงนิยมมอบ Chocolate ให้กัน ในยุคโรมันที่นักบุญวาเลนไทน์ได้เสียชีวิตนั้น ช็อกโกแลตยังเป็นของหายาก จึงเป็นสิ่งที่มีค่าที่คนรักจะมอบแทนใจให้กันได้ จึงส่งไปพร้อมการ์ดและดอกไม้ ซึ่งสื่อความหมายของความรักมาแต่ไหนแต่ไรแล้วก็ได้ และอาจจะรวมไปถึงการที่ช็อกโกแลตเคยเป็นสัญลักษณ์ของเสรีภาพ มิตรภาพ และสันติภาพในช่วงที่สงครามโลกครั้งที่ 2 สิ้นสุดลงด้วยก็ได้ หรืออาจมาจากการที่ช็อกโกแลตนั้น สามารถช่วยกระตุ้นอารมณ์รักได้ด้วย เพราะมีเรื่องเล่าขานกันมาว่า นายมองเตชูมา นักรบผู้พิชิตแห่งสเปน มักจะดื่มช็อกโกแลตเป็นประจำเสมอ ก่อนไปหาเหล่าสาวๆ ในฮาเร็มของเขาครับ ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็เพื่อให้ช่วยกระตุ้นอารมณ์รักครับ

นอกจากช็อกโกแลตจะเป็นสัญลักษณ์ของเสรีภาพและมิตรภาพแล้ว ช็อกโกแลตยังมีประโยชน์อีกมากมายเลย

ในตัวช็อกโกแลตนั้น มีส่วนประกอบสำคัญเรียกว่า Flavonoid เป็นสารซึ่งช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ และป้องกันการก่อตัวของไขมันในเส้นเลือดป้องกันโรคหัวใจและการเกิดมะเร็ง ที่สำคัญยังช่วยให้แก่ช้าด้วยนะคะ นอกจากนี้ในช็อกโกแลตยังมีสารบางชนิดไปกระตุ้นให้สมองหลั่งสารเคมีแห่งความสุขที่ชื่อเอ็นดอร์ฟิน (Endorphin) ออกมา ซึ่งจะช่วยลดความเครียดและทำให้เกิดความรู้สึกที่ดีขึ้นด้วย

A Loved Food : อาหารแห่งความรัก

สำหรับคำถามที่ช็อกโกแลตกับวาเลนไทน์มีความสัมพันธ์กันอย่างไร คงต้องบอกว่าต้องใช้เวลานานพอสมควรกว่าที่จะมาเจอกัน จริงอยู่ที่ช็อกโกแลตมีสรรพคุณเป็นยาโดปเสริมสร้างพลังแห่งรัก แต่ก็ถือว่าเป็นอาหารที่มีมูลค่า ดังนั้นจึงต้องขอบคุณการปฏิวัติอุตสาหกรรมที่เกิดขึ้นช่วงสมเด็จพระราชินีนาถวิกตอเรียแห่งสหราชอาณาจักร (Queen Victoria ค.ศ. 1837-1901) ที่ทำให้สามารถผลิตช็อกโกแลตได้มากขึ้น อีกทั้งพระองค์ยังโปรดการให้ของขวัญและบัตรอวยพรในช่วงเวลาพิเศษ ซึ่งรวมถึงวันแห่งความรักด้วย

ผู้ที่เริ่มลัทธินี้อย่างจริงจังคงต้องยกให้นายริชาร์ด แคดเบอรี (Richard Cadbury) เจ้าของช็อกโกแลตแคดเบอรีชื่อดังสัญชาติอังกฤษ ได้คิดค้นวิธีทำช็อกโกแลตในรูปแบบแท่งให้กินง่ายขึ้น พร้อมกับออกแบบกล่องให้ดูสวยงาม โดยในปี ค.ศ. 1861 เขาได้ออกแบบกล่องรูปหัวใจโดยมีกามเทพหรือคิวปิดน้อยยืนอยู่บนกล่อง และนั่นก็ทำให้ช็อกโกแลตถูกมองว่าเป็นสัญลักษณ์ของความรัก

ส่วนฝั่งอเมริกาก็ขอบอกว่าไม่น้อยหน้า เมื่อนายมิลตัน เฮอร์ชีย์ (Milton Hershey) ที่เริ่มธุรกิจด้วยการทำคาราเมล ก่อนจะเปลี่ยนมาทำช็อกโกแลตในปี ค.ศ. 1907 เขาก็ได้ออกช็อกโกแลตที่เรารู้จักกันในชื่อว่า “เฮอร์ชีส์คิสเซส” (Hershey’s Kisses) ช็อกโกแลตรูปหยดน้ำที่ทำให้นึกถึงรอยจุมพิตเล็กๆ และตอกย้ำให้ทุกคนคิดถึงช็อกโกแลตเข้าไปอีกขั้น

 

แหล่งที่มา
https://www.gourmetandcuisine.com/stories/detail/723
https://www.sanook.com/campus/931822/

 

QR Code for https://www.stkc.go.th/stiarticle/%E0%B8%97%E0%B8%B3%E0%B9%84%E0%B8%A1%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B9%80%E0%B8%A5%E0%B8%99%E0%B9%84%E0%B8%97%E0%B8%99%E0%B9%8C-%E0%B8%96%E0%B8%B6%E0%B8%87%E0%B9%83%E0%B8%AB%E0%B9%89-%E0%B8%8A%E0%B9%87%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B9%82%E0%B8%81%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B8%95
Hits 944 ครั้ง
หมวดหมู่ OECD: