พลาสติกย่อยสลายได้

วันที่เผยแพร่: 
Tue 27 July 2021

พลาสติกเป็นวัสดุที่สามารถพบได้ในชีวิตประจำวัน เนื่องจากมีราคาถูก และสามารถปรับปรุงสมบัติได้อย่างหลากหลายเพื่อให้เหมาะกับการใช้งาน เช่น บรรจุภัณฑ์ เส้นใยสังเคราะห์ ทำให้มีการผลิตพลาสติกออกมาเป็นจำนวนมาก และก่อให้เกิดปัญหาขยะพลาสติกตามมา

ขยะพลาสติกกลายเป็นสิ่งที่สังคมโลกให้ความสนใจ เนื่องจากพลาสติกบางชนิดไม่ย่อยสลายในธรรมชาติ หรือใช้ระยะเวลาในการย่อยสลายยาวนาน ขยะพลาสติกบางชนิดใช้เวลาในการย่อยสลายมากกว่าร้อยปีในการย่อยสลาย จึงเกิดการตกค้างในธรรมชาติส่งผลกระทบต่อห่วงโซ่อาหาร โดยเฉพาะกับสัตว์ทะเล นอกจากนี้ ยังมีการตรวจพบ "อนุภาคพลาสดิกขนาดเล็กหรือไมโครพลาสติก (Microplastics)" ในท้องของสัตว์ทะเล โดยไมโครพลาสติกชิ้นเล็กระดับไมโครเมตรที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า เกิดจากการแตกสลายของขยะพลาสติก หรือจากผลิตภัณฑ์พลาสติกบางชนิด เช่น ไมโครบีดส์ เม็ดสครับ ไมโครพลาสติกไม่เพียงแค่ตกค้างในธรรมชาติ แต่ยังสามารถดูดซับสารพิษ เช่น โลหะหนัก ยาฆ่าแมลง ซึ่งเมื่อสัตว์น้ำบริโภคไมใครพลาสติกเข้าสู่ร่างกาย ก็จะได้รับสารพิษที่สะสมอยู่ในไมโครพลาสติกเข้าไปด้วย

นอกจากไมโครพลาสติกแล้ว ขยะจากผลิตภัณฑ์พลาสติกเองก็ส่งผลกระทบต่อธรรมชาติ ดังเช่นข่าววิกฤตเต่าทะเลที่ ตายเพราะการบริโภคถุงพลาสติก หรือบาดเจ็บจากการที่มีขยะพลาสติกติดตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย สังคมโลกจึงตระหนัก และให้ความสำคัญของปัญหาขยะพลาสติกมากขึ้น

การลดการใช้ การใช้ซ้ำ และการรีไซเคิล เป็นวิธีที่สามารถนำมาใช้ในการลดปัญหาขยะพลาสติกได้ แต่ยังมีอีกทาง เลือกหนึ่งที่เป็นที่สนใจในแวดวงวิชาการคือ การใช้พลาสติกย่อยสลายได้ในสภาวะแวดล้อมธรรมชาติทดแทนพลาสติก แบบเดิม ซึ่ึ่งนอกจากจะสามารถใช้ประโยชน์จากพลาสติกได้เหมือนเดิมแล้ว ยังช่วยลดปัญหาขยะพลาสติกได้อีกด้วย

พลาสติกย่อยสลายได้ในสภาวะแวดล้อมธรรมชาติ (Environmentally Degradable plastics: EDP) ยังสามารถ แบ่งได้เป็นอีก 2 ประเภท ตามกระบวนการย่อยสลาย การทำความเข้าใจเกี่ยวกับกระบวนการย่อยสลายของพลาสติก แต่ละประเภทจะช่วยให้การจัดการขยะพลาสติกมีประสิทธิภาพและลดมลภาวะให้กับสิ่งแวดล้อมได้ดียิ่งขึ้น โดยพลาสติก ทั้ง 2 ประเภทนี้คือ

1. พลาสติกแตกสลายทางชีวภาพได้ (Biodegradable Plastic) หรือพลาสติกย่อยสลายได้ทางชีวภาพสามารถผลิตได้ทั้งจากวัตถุดิบจากธรรมชาติและปิโตรเคมี พลาสติกชนิดนี้เมื่อทิ้งไว้ในสภาวะแวดล้อมทั่วไป จะไม่สามารถย่อยสลายได้อย่างสมบูรณ์ และอาจแตกสลายกลายเป็นไมโครพลาสติกได้ แต่หากมีการนำไป จัดการอย่างเหมาะสม มีการควบคุมสภาวะความร้อน ความชื้น และมีการให้จุลินทรีย์ พลาสติกชนิดนี้จะถูก จุลินทรีย์ย่อยสลายในลำาดับสุดท้ายกลายเป็นแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ น้ำ และสารชีวมวลได้อย่างสมบูรณ์

แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าพลาสติกที่ใช้อยู่เป็นพลาสติกย่อยสลายได้แบบ EDP ?

ตัวชี้วัดสำคัญที่แสดงว่าพลาสติกย่อยสลายได้แบบ EDP คือ การวัดปริมาณแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ โดยมาตรฐาน มอก.17088-2555 และมาตรฐานพลาสติกที่สลายตัวได้ทางชีวภาพ กำหนดให้ คาร์บอนต้องเปลี่ยนเป็นแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ไม่น้อยกว่าร้อยละ 90 ของปริมาณคาร์บอนไดออกไซด์ที่เกิดขึ้นตามทฤษฎีภายในระยะเวลาไม่เกิน 180 วัน และให้ดูการรับรองมาตรฐานต่าง ๆ มี IS0 17088 ที่เป็นมาตรฐานสากล และมาตรฐานที่ใช้ในแต่ละประเทศ เช่น ในสหรัฐอเมริกาใช้มาตรฐาน ASTM D6400 ยุโรปใช้มาตรฐาน EN 13432 ส่วนประเทศไทยใช้มาตรฐาน มอก.17088-2555

พลาสติกที่ย่อยสลายได้ทางชีวภาพ มีอายุกรย่อยสลายสั้นกว่าพลาสติกทั่วไป อาจช่วยลดปัญหาเรื่องพื้นที่การฝังกลบได้บ้างหรือดูเหมือนจะเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม แต่พลาสติกเหล่านี้อาจแตกสลายไม่สมบูรณ์เกิดเป็นไมโครพลาสติกซึ่งมีผลต่อสิ่งมีชีวิตตังที่มีรายงาน นอกจากนี้ พลาสติกแต่ละชนิดต้องการ การจัดการไม่เหมือนกันและมีค่าใช้จ่ายในการจัดการพลาสติก ดังนั้น ทางที่ดีที่สุด ด ควรลดการใช้พลาสติก หรือเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ทดแทนพลาสติก รวมทั้งลดการสร้างขยะเพื่อรักษาโลกของเรากันเถอะ

แหล่งที่มา https://www.scimath.org/article-biology/item/12178-2021-07-01-07-28-18

QR Code for https://www.stkc.go.th/stiarticle/%E0%B8%9E%E0%B8%A5%E0%B8%B2%E0%B8%AA%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B8%81%E0%B8%A2%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B8%AA%E0%B8%A5%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B9%84%E0%B8%94%E0%B9%89
Hits 696 ครั้ง