"ใช้ยาไม่สมเหตุผล" ต้นเหตุ "ดื้อยา" อันตรายที่คนมองข้าม
ประเทศไทยมีมูลค่าการบริโภคยาประมาณร้อยละ 41 ของค่าใช้จ่ายสุขภาพ สูงกว่าประเทศที่พัฒนาแล้วซึ่งมีค่าใช้จ่ายด้านยาต่อค่าใช้จ่ายสุขภาพเพียงร้อยละ 10-20 ข้อมูลจากการศึกษาวิจัย พบการบริโภคยาอย่างไม่เหมาะสมในทุกระดับทั้งในสถานพยาบาลภาครัฐและเอกชน การใช้ยาในชุมชนโดยเฉพาะยาที่มีความเสี่ยงสูง เช่น ยาต้านจุลชีพ ยาสเตียรอยด์ ยาชุด เป็นต้น
โดยในปี 2555 มีงานศึกษาพบว่า ผู้ป่วย 19.2 ล้านคนครอบครองยาเกินความจำเป็น และรัฐต้องสูญเสียงบประมาณจากการครอบครองยาเกินจำเป็นราว 2,370 ล้านบาท/ปี ชัยณรงค์ สังข์จ่าง ผู้อำนวยการสำนักสนับสนุนระบบสุขภาพปฐมภูมิ สำนักปลัดกระทรวงสาธารณสุข ให้ความเห็นว่า โดยเจตนารมณ์ของการใช้ยาสมเหตุสมผลคือการมุ่งให้ประชาชนใช้ยาอย่างปลอดภัย แต่โจทย์หลักของการใช้ยาคือความคิดความเชื่อของคนในชุมชน การใช้ยาฆ่าเชื้อเป็นความเชื่อผิด ๆ ของคนจำนวนมาก จึงต้องขยับที่ประเด็น ไม่ใช่มุ่งเน้นที่หน่วยงาน เช่น ต้องสร้างบรรทัดฐานใหม่ที่จะปรับเปลี่ยนวิธีคิด เน้นงานสื่อสาร งานในพื้นที่ แล้วหน่วยงานอื่น ๆ ก็จะขยับตาม
หลีกเลี่ยงการใช้ยาอย่างไม่สมเหตุผล เพื่อหยุดปัญหาดื้อยา
เราสามารถหลีกเลี่ยงปัญหาการดื้อยาได้ง่าย ๆ ด้วยจนเอง โดยการปรึกษาแพทย์ หรือเภสัชกรก่อนกินยาทุกครั้ง หากมีปัญหาเล็ก ๆ น้อย ๆ เช่น ปวดศีรษะ สามารถกินยาแก้ปวดได้ แต่ควรกินตามขนาดของยาที่กำหนด เช่น 1 เม็ดทุก 6 ชั่วโมง และไม่ควรกินติดต่อกันเกิน 5 วัน หากยังไม่หายดีควรพบแพทย์เพื่อตรวจร่างกายอย่างละเอียด นอกจากนี้ยาที่ควรระมัดระวังคือ ยาแก้อักเสบ ยาฆ่าเชื้อต่าง ๆ ไม่ควรซื้อกินเองโดยเด็ดขาด เพราะหากกินยาในขณะที่ไม่ได้มีเชื้อโรคให้ฆ่า หรือไม่ได้มีอาการอักเสบอะไร จะทำให้เกิดการดื้อยาได้