รู้จัก โควิด-19 สายพันธุ์ใหม่ มิว ต้านภูมิคุ้มกันได้ อันตรายแค่ไหน

องค์การอนามัยโลก หรือ WHO ยกระดับโควิด-19 สายพันธุ์ B.1.621 หรือสายพันธุ์ “มิว” ให้เป็นสายพันธุ์โควิด-19 ล่าสุด ให้เป็นสายพันธุ์ที่ “กำลังให้ความสนใจ” นั่นหมายถึง เป็นสายพันธุ์ที่มีความเป็นไปได้ที่จะเป็นอันตรายได้ในอนาคตอันใกล้

โควิด-19 สายพันธุ์ “มิว” คืออะไร?

โควิด-19 สายพันธุ์ “มิว” (Mu) หรือสายพันธุ์ B.1.621 ครั้งแรกในประเทศโคลอมเบียเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา ขณะนี้มีความค่าความชุกของเชื้อ 39-40% ในขณะที่เคสที่ถอดรหัสพันธุกรรมแล้วทั่วโลกพบเชื้อสายพันธุ์นี้เพียง 0.1% เท่านั้น โดยมีการตรวจพบในหลายประเทศในทวีปอเมริกาใต้ ยุโรป และล่าสุดพบในประเทศญี่ปุ่น (1 ก.ย.) รวมๆ กันแล้วอย่างน้อย 40 ประเทศ

โควิด-19 สายพันธุ์ “มิว” อันตรายแค่ไหน?

WHO รายงานว่า โควิด-19 สายพันธุ์ “มิว” มีการกลายพันธุ์ในระดับพันธุกรรม ซึ่งทำให้ภูมิต้านทานของร่างกายตามธรรมชาติ หรือวัคซีนที่มีการใช้อยู่ในปัจจุบัน หรือการรักษาด้วยการใช้ monoclonal antibody ซึ่งเป็นแอนติบอดีที่สร้างจากเซลล์เม็ดเลือดขาวที่ออกแบบมาเพื่อรักษาโรคโควิด-19 อาจใช้ไม่ได้ผลกับไวรัสสายพันธุ์นี้

โควิด-19 สายพันธุ์ต่างๆ กลายพันธุ์ได้อย่างไร?

จริงๆ แล้วการกลายพันธุ์ของเชื้อไวรัสต่างๆ เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ตามปกติ และการกลายพันธุ์ส่วนใหญ่จะไม่มีผลหรือมีผลน้อยมากต่อคุณสมบัติของไวรัส แต่อาจส่งผลให้คุณสมบัติของเชื้อไวรัสเปลี่ยนไป เช่น แพร่กระจายเชื้อไวรัสได้ง่ายขึ้น หรือทวีความรุนแรงของอาการได้มากขึ้น รวมถึงต้านทานต่อภูมิต้านทานของร่างกาย ยารักษา และวัคซีนได้ เป็นต้น

ป้องกันจากโควิด-19 สายพันธุ์ “มิว” ได้อย่างไร?

ระหว่างการค้นคว้าศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมของเชื้อไวรัสสายพันธุ์นี้ วิธีป้องกันเชื้อไวรัสอย่างมีประสิทธิภาพที่สุด ยังคงเป็นการล้างมือบ่อยๆ โดยเฉพาะก่อนสัมผัสอวัยวะส่วนต่างๆ ของร่างกายตัวเอง และก่อนรับประทานอาหาร สวมหน้ากากอนามัยทุกครั้งที่ออกไปนอกบ้าน พบเจลหรือสเปรย์แอลกอฮอล์ไว้ใช้นอกบ้านระหว่างวัน หลีกเลี่ยงการไปในที่ที่มีคนรวมกันจำนวนมาก รักษาระยะห่างจากผู้คน รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ออกกำลังกายเป็นประจำ และพักผ่อนให้เพียงพอ รวมถึงฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ทั้งเข็มแรกและเข็มที่ 2 ตามกำหนด เท่านี้ก็ยังถือว่าเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการช่วยป้องกันโควิด-19 ได้ทุกสายพันธุ์

วันที่: 
Tue 7 September 2021
QR Code for https://www.stkc.go.th/info/%E0%B8%A3%E0%B8%B9%E0%B9%89%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%81-%E0%B9%82%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%94-19-%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%9E%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%98%E0%B8%B8%E0%B9%8C%E0%B9%83%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B9%88-%E0%B8%A1%E0%B8%B4%E0%B8%A7-%E0%B8%95%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%A0%E0%B8%B9%E0%B8%A1%E0%B8%B4%E0%B8%84%E0%B8%B8%E0%B9%89%E0%B8%A1%E0%B8%81%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B9%84%E0%B8%94%E0%B9%89-%E0%B8%AD%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B9%81%E0%B8%84%E0%B9%88%E0%B9%84%E0%B8%AB%E0%B8%99
แหล่งที่มา: 
https://www.sanook.com/health/30233/
Hits 1,810 ครั้ง