เจาะลึกระบบ Jasper: การพยากรณ์สภาพอวกาศ เฝ้าระวังภัยจากดวงอาทิตย์

บนโลกของเรา มีสิ่งที่เรียกว่า ‘พยากรณ์อากาศ’ ที่บอกว่าวันนี้สภาพอากาศบนโลกจะเป็นอย่างไร ผ่านการใช้ข้อมูลและเทคโนโลยีมาคำนวณความเปลี่ยนแปลงของลักษณะอากาศ และช่วยให้ผู้คนบนโลกสามารถเตรียมความพร้อมรับมือสถานการณ์ต่าง ๆ ได้อย่างทันท่วงที

   บนอวกาศ แม้จะไม่มีอากาศให้หายใจเหมือนกับบนโลก แต่ก็ยังมีการ ‘พยากรณ์สภาพอวกาศ’ หรือ Space Weather เช่นกัน

โดยปัจจุบัน GISTDA หรือ สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) ได้พัฒนาระบบพยากรณ์สภาพอวกาศ มีชื่อว่า  Jasper  เพื่อเฝ้าติดตามสภาพอวกาศ วิเคราะห์และรายงานความเสี่ยงที่อาจมีผลกระทบต่อประเทศไทยมาอย่างต่อเนื่อง

   สภาพอวกาศ หรือ Space Weather คือความแปรปรวนผันผวนที่เกิดขึ้นกับสภาพแวดล้อมในห้วงอวกาศ โดยมีสาเหตุหลักมาจากกิจกรรมบนดวงอาทิตย์ ดาวฤกษ์หนึ่งเดียวในระบบสุริยะ ตั้งแต่การเกิดลมสุริยะ (Solar Wind) ซึ่งเป็นอนุภาคพลังงานสูงที่แผ่ออกมาจากดวงอาทิตย์อย่างต่อเนื่อง การลุกจ้าบนดวงอาทิตย์ (Solar Flare) ไปจนถึงพายุสุริยะ (Solar Storm) ที่มีความรุนแรงมากพอจนส่งผลกระทบต่อโลกได้

   ดร. สิทธิพร ชาญนำสิน ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยเทคโนโลยีอวกาศ หรือ “S-TREC” ระบุว่า “โลกของเรามีแนวป้องกันอยู่ 2 ชั้น ได้แก่ สนามแม่เหล็กโลก กับ ชั้นบรรยากาศ ซึ่งกิจกรรมจากดวงอาทิตย์จะส่งผลต่อแนวป้องกันทั้งสองชั้น ทำให้เรามีการตรวจดูการเกิด Solar Flare ที่อาจส่งผลสัญญาณการสื่อสารต่าง ๆ ได้ โดยในปีนี้ (พ.ศ. 2568) เป็นปีที่มีกิจกรรมบนดวงอาทิตย์มากที่สุด หรือเรียกว่า Solar Maximum ในคาบวัฏจักรสุริยะนาน 11 ปี”

   ทำให้ในช่วงเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2568 มีการเกิดพายุสนามแม่เหล็กโลก อันเป็นผลมาจากการปล่อยมวลโคโรนาขนาดใหญ่สารจากดวงอาทิตย์ หรือ Coronal Mass Ejection จากบริเวณจุดมืด AR4100 บนดวงอาทิตย์ ทำให้เกิดการรบกวนของสนามแม่เหล็กโลกในระดับ G4 เมื่ออ้างอิงระดับของทาง NOAA โดย GISTDA ได้ติดตามสถานการณ์ดังกล่าว และพบว่ามีการเกิดพายุสนามแม่เหล็กโลกระดับ G3 ซึ่งเป็นระดับปานกลางเหนือบริเวณประเทศไทย

   ทั้งนี้ พายุสนามแม่เหล็กโลกในครั้งนี้ ไม่มีผลกระทบต่อมนุษย์โดยตรง แต่ทำให้เกิดแสงออโรราในพื้นที่ละติจูดสูง รบกวนการทำงานของดาวเทียม และอาจมีความเสี่ยงต่อระบบไฟฟ้าบนโลกได้ อย่างไรก็ตาม ระบบ Jasper และบุคลากรของ GISTDA ได้ติดตามสถานการณ์สภาพอวกาศอย่างใกล้ชิด จนพายุสนามแม่เหล็กโลกลดลงกลับมาสู่สภาพปกติ โดยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ ไม่มีผลกระทบและเสียหายใด ๆ ต่อประเทศไทย

   การพยากรณ์สภาพอวกาศนั้น อาศัยการรวบรวมข้อมูลจากดาวเทียมและสถานีภาคพื้นดิน เพื่อติดตามความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับดวงอาทิตย์ และนำมาวิเคราะห์ข้อมูลโดยนักพยากรณ์อวกาศ ทำนายว่ากิจกรรมเหล่านั้นจะส่งผลกระทบต่อโลกอย่างไร ผ่านการสร้างแบบจำลองการเคลื่อนที่ของลมสุริยะและประเมินผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น ก่อนออกประกาศแจ้งเตือนหรือเฝ้าระวังต่าง ๆ ตามความเหมาะสม

   GISTDA ได้ระบุเสริมว่า “เรามีเป้าหมายที่จะใช้ AI ในการติดตามและแจ้งเตือนให้ประชาชนได้รับทราบ ว่าปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นจะส่งผลกับโลกได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงขึ้น เพราะในบางสถานการณ์อาจเกิดขึ้นในอีกฝั่งของดวงอาทิตย์ ทำให้มวลสารและอนุภาคไม่ถูกส่งมายังทิศของโลก แต่ GISTDA และหน่วยงานต่าง ๆ ก็จะมีการเฝ้าจับตาอยู่ตลอดเวลา”

   ระบบพยากรณ์สภาพอวกาศ หรือ ระบบ Jasper โดยศูนย์วิจัยเทคโนโลยีอวกาศ (S-TREC) ของ GISTDA ตั้งอยู่ ณ จังหวัดชลบุรี และคอยติดตามความเปลี่ยนแปลงของดวงอาทิตย์ ปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อสภาพอวกาศของโลกอยู่ตลอดเวลา เพื่อสร้างความมั่นใจถึงเสถียรภาพในโครงสร้างพื้นฐานด้านอวกาศของประเทศ เช่นเดียวกับเป็นด่านหน้าในการแจ้งเตือนภัยจากอวกาศ พร้อมเป็นแหล่งข้อมูลให้หน่วยงานต่าง ๆ ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง สามารถเตรียมการรับมือได้อย่างมีประสิทธิภาพ

   ในปัจจุบัน งานด้านอวกาศมีความหลากหลายอย่างยิ่ง โดยแต่ละสายงานความเชี่ยวชาญต่างส่งเสริมซึ่งกันและกันอย่างชัดเจน เพื่อยกระดับศักยภาพกิจการอวกาศของประเทศไทย การทำงานร่วมกันนี้ยังเปิดโอกาสให้เกิดการถ่ายทอดองค์ความรู้ กระตุ้นงานวิจัย พัฒนานวัตกรรมด้านเทคโนโลยีอวกาศ และสร้างคนรุ่นใหม่ขึ้นมาเป็นกำลังในการสำรวจอวกาศอย่างต่อเนื่อง

วันที่: 
Thu 28 August 2025
แหล่งที่มา: 
https://www.gistda.or.th/news_view.php?n_id=8652&lang=TH
Hits 86 ครั้ง