วว. ขับเคลื่อนนโยบาย BCG ชูงานวิจัยแมลงเป็นแหล่งโปรตีนเสริมอาหารสัตว์ ผลักดันหลักการ Zero Waste ลดการใช้ยาปฏิชีวนะ/การปล่อยก๊าซเรือนกระจก

ข่าวประจำวันที่: 
Tue 15 February 2022

กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) โดย สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) ขับเคลื่อนนโยบายเศรษฐกิจ BCG วิจัยและพัฒนาแมลงเป็นแหล่งโปรตีนเสริมอาหารให้สัตว์ โดยใช้กากมันสำปะหลัง by product จากโรงงานไบโอเอทานอลเป็นวัตถุดิบร่วมในกระบวนการผลิตตามหลักการ Zero Waste   ลดการใช้สารปฏิชีวนะในการผลิตสัตว์  ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก  มุ่งสู่เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน พร้อมนำความเชี่ยวชาญด้านแมลงร่วมวิจัยระดับนานาชาติกับประเทศสเปน  ไนจีเรียและแอฟริกาใต้ ในโครงการแหล่งอาหารจากแมลงเพื่อเสริมการขาดสารอาหารในพื้นที่เปราะปาง โดยสามารถคว้ารางวัล WAITRO  Innovation  Award  2021 ซึ่งเป็นเวทีประกวดไอเดียนวัตกรรมภายใต้ธีม Food  Security  and  Sustainable  Agriculture

ศ. (วิจัย) ดร.ชุติมา   เอี่ยมโชติชวลิต   ผู้ว่าการ วว.   กล่าวว่า  ในอนาคตพื้นที่การผลิตอาหารของโลกมีแนวโน้มลดลง ในขณะที่ความต้องการอาหารมากขึ้น เนื่องจากประชากรโลกมีอายุยืนขึ้น นวัตกรรมด้านอาหารจึงเป็นสิ่งจำเป็น  ซึ่งมีหลายหน่วยงานคาดการณ์ถึงเทรนด์อาหารแห่งอนาคตของโลก โดยเฉพาะโปรตีนจากแมลง (Insect-based Protein) และพืช (Plant-based Protein) จะได้รับความนิยมมากขึ้น เนื่องจากกระบวนการผลิตจะใช้พื้นที่น้อยและส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อยกว่าการผลิตสัตว์อื่นๆ และปัจจุบันทั่วโลกให้ความสำคัญกับเรื่องคาร์บอนเครดิตเป็นอย่างมาก  วว.  ในฐานะหน่วยงานวิจัยและพัฒนาของประเทศ เล็งเห็นถึงความสำคัญของการนำเทรนด์อาหารแห่งอนาคตมาเป็นแนวทางดำเนินงานวิจัยและพัฒนาด้านอาหาร โดยเฉพาะโพรไบโอติกและแมลงให้สามารถตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค และสนับสนุนให้ภาคอุตสาหกรรมด้านอาหารของไทย  มีช่องทางในการนำผลงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม ไปใช้ประโยชน์ทางเทคโนโลยีได้อย่างมั่นคง มั่งคั่งและยั่งยืน

“… วว. มีองค์ความรู้จากการดำเนินโครงการใช้ประโยชน์จากจิ้งหรีดมาเป็นสัตว์เศรษฐกิจ เป็นการเพิ่มโปรตีนจากแมลงและเพิ่มแหล่งอาหารของโลก  นอกจากนี้ยังมีศูนย์อนุรักษ์แมลงเขตร้อน ณ สถานีวิจัยลำตะคอง จังหวัดนครราชสีมา  เป็นแหล่งวิจัยพัฒนาแมลงครบวงจรและเป็นแหล่งเรียนรู้ให้กับสังคม  จากความเชี่ยวชาญนี้ได้นำไปสู่การร่วมวิจัยกับหน่วยงานระดับนานาชาติ ได้แก่ LEITAT ประเทศสเปน   FIIRO ประเทศไนจีเรีย  และ CSIR ประเทศแอฟริกาใต้  ภายใต้โครงการแหล่งอาหารจากแมลงเพื่อเสริมการขาดสารอาหารในพื้นที่เปราะบาง โดยความสำเร็จเบื้องต้นของ วว. และพันธมิตรทั้ง 3 ประเทศก็คือ สามารถคว้ารางวัล WAITRO  Innovation  Award  2021 จากโครงการนี้ซึ่งเป็นเวทีประกวดไอเดียนวัตกรรม  โดยในระยะเวลาอันใกล้ วว. และพันธมิตรจะร่วมกันประกาศผลสำเร็จของการวิจัยพัฒนา  เพื่อความมั่นคงด้านอาหารและการเกษตรอย่างยั่งยืน…” ผู้ว่าการ วว. กล่าว

สำหรับบทบาทความรับผิดชอบในการดำเนินโครงการแหล่งอาหารจากแมลงเพื่อเสริมการขาดสารอาหารในพื้นที่เปราะบางหรือ SMARTinFOOD  :  Insect-based  Food  Sources  to  Supplement  Nutrient  Deficiencies  in  Vulnerable  Areas  ของทั้ง 4 ประเทศ  ศ. (วิจัย) ดร.ชุติมา   เอี่ยมโชติชวลิต   กล่าวว่า  เป็นการวิจัยพัฒนานวัตกรรมอาหารทางเลือกใหม่ ตอบสนองเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน ในข้อ 2  ว่าด้วยการขจัดความหิวโหย (Zero Hunger)  รวมทั้งการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ซึ่งองค์การอาหารและการเกษตรแห่งสหประชาชาติ  (FAO)  ให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก  โดยประเทศสเปนทำหน้าที่ส่งเสริมเชิญชวนให้มีการบริโภคแมลงมากขึ้นในทวีปยุโรป  ประเทศไทยโดย วว. ทำหน้าที่วิจัยพัฒนาการใช้แมลงเป็นสารเสริมอาหารสัตว์  ประเทศไนจีเรียและแอฟริกาใต้เป็นผู้ใช้ประโยชน์หลัก เนื่องจากเป็นประเทศยากจนและมีปัญหาการขาดแคลนอาหาร

“…การดำเนินงานวิจัยของ วว. ในโครงการแหล่งอาหารจากแมลงเพื่อเสริมการขาดสารอาหารในพื้นที่เปราะบาง ยึดหลักการ Zero Waste  โดยจะใช้จิ้งหรีดเป็นตัวกำจัดกากมันสำปะหลัง  by product  จากโรงงานผลิตไบโอเอทานอล ซึ่งเป็นสารกลุ่มคาร์โบไฮเดรตที่ย่อยง่าย เมื่อจิ้งหรีดกินเข้าไปจะช่วยให้เจริญเติบโตเร็ว นอกจากนั้นในการดำเนินโครงการยังเป็นการต่อยอดองค์ความรู้เดิมจากงานวิจัยและพัฒนาของ วว. ในการใช้จิ้งหรีดเป็นแหล่งเสริมอาหารสัตว์ที่มีฤทธิ์ยับยั้งจุลินทรีย์ก่อโรคในระบบทางเดินอาหาร นับเป็นการส่งเสริมให้ลดการใช้สารปฏิชีวนะในสัตว์  ตลอดจนการลงทุนที่ต่ำกว่าการผลิตสัตว์เศรษฐกิจชนิดอื่น สรุปได้ว่าการใช้แมลงเป็นแหล่งโปรตีนทางเลือกนั้นเป็นมิตรทั้งสิ่งแวดล้อม ผู้ผลิต และผู้บริโภค ตอบโจทย์นโยบายเศรษฐกิจ BCG และสร้างนวัตกรรมใหม่อย่างเป็นรูปธรรม ทั้งนี้ วว. จะต่อยอดบูรณาการโครงการวิจัยนี้ใน Road map การดำเนินงานวิจัยพัฒนาขององค์กรต่อไปเพื่อประโยชน์สูงสุดของประเทศ…” ผู้ว่าการ วว. กล่าวสรุปรายละเอียดการวิจัยของ วว. ในโครงการฯ

อนึ่ง ศูนย์อนุรักษ์แมลงเขตร้อน วว.  ณ  สถานีวิจัยลำตะคอง   จังหวัดนครราชสีมา   ดำเนินการวิจัยและพัฒนาด้านแมลง  ซึ่งจะเป็นองค์ความรู้ เทคโนโลยีและนวัตกรรมของประเทศที่สำคัญ ในการต่อยอดงานวิจัยสู่การนำไปใช้ประโยชน์ทั้งเชิงพาณิชย์และเชิงสังคม อาทิ โครงการพัฒนาชีวภัณฑ์ควบคุมแมลงศัตรูพืชใต้ดินและเสริมความแข็งแรงต้นพืชที่มีความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โครงการศึกษานิเวศวิทยาการผสมเกสรเพื่อการเพิ่มปริมาณและคุณภาพผลผลิตของกาแฟอาราบิก้า  โครงการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของสาร  Allelochemicals ที่ได้จากผลพลอยได้จากอุตสาหกรรมน้ำตาลเพื่อการประยุกต์ใช้ด้านการจัดการแมลงศัตรูพืชเพื่อการเกษตรแบบยั่งยืน  โครงการศึกษากลไกการป้องกันตนเองและบทบาทในการควบคุมเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล, Nilaparvata lugens (Stål) ในข้าวหอมมะลิ 105  โครงการวิจัยและพัฒนาการเพาะเลี้ยงชันโรงในเขตวนเกษตรที่สูงเพื่อผลผลิตเชิงหน้าที่  โครงการวิจัยวิธีการเลี้ยงจิ้งหรีดที่ถูกสุขลักษณะ   โครงการศึกษาการสะสมของโลหะหนักในจิ้งหรีด   และโครงการวิจัยสายพันธุ์จิ้งหรีดทองดำ, Gryllus bimaculatus ต้านทานปัจจัยชีวภาพและการพัฒนาระบบจัดการหลีกเลี่ยงการเกิดเลือดชิดในฟาร์มเพาะเลี้ยง เป็นต้น

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมและรับบริการจาก วว. ติดต่อได้ที่ โทร. 0 2577 9000 โทรสาร 0 2577 9009 เว็บไซต์ tistr.or.th อีเมล tistr@tistr.or.th Line@TISTR

แหล่งที่มา: 
https://www.tistr.or.th/presscenter/archives/2218