วว. ขับเคลื่อนเศรษฐกิจ BCG สร้างโอกาสทางธุรกิจให้ SME ด้านเกษตร/อาหารปลอดภัย วิจัยพัฒนา/ทดสอบ ข้าวที่มีสารสำคัญของถั่งเช่า ช่วยต้านอนุมูลอิสระ สร้างภูมิคุ้มกันให้ร่างกาย

ข่าวประจำวันที่: 
Tue 25 January 2022

    กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) โดย สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) ขับเคลื่อนนโยบาย BCG พัฒนาศักยภาพอุตสาหกรรมและนวัตกรรมอาหารปลอดภัย ด้วยวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม ณ พื้นที่จังหวัดพิษณุโลก บูรณาการวิจัยประสบผลสำเร็จพัฒนาและทดสอบ “ข้าวสมุนไพรที่มีสารสำคัญถั่งเช่า” ที่มีคุณสมบัติเด่นช่วยต้านอนุมูลอิสระ สร้างภูมิคุ้มกันให้ร่างกาย  พร้อมต่อยอดแปรรูปเพิ่มมูลค่าเป็นผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มสมุนไพรเพื่อสุขภาพ สร้างงาน สร้างเงินให้เกษตรกร สร้างความเข้มแข็งให้เศรษฐกิจประเทศ

    ศ. (วิจัย) ดร.ชุติมา เอี่ยมโชติชวลิต ผู้ว่าการ วว. กล่าวว่า วว. โดย ศูนย์ทดสอบและมาตรวิทยา กลุ่มงานบริการอุตสาหกรรม ภายใต้การดำเนินโครงการพัฒนาศักยภาพอุตสาหกรรมและนวัตกรรมอาหารปลอดภัย ได้ลงพื้นที่ ณ จังหวัดพิษณุโลก นำองค์ความรู้วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม (วทน.) มาพัฒนารวมกับเกษตรกร เพื่อพัฒนาองค์ความรู้ต่อยอดฐานความเข้มแข็งเดิม นั่นก็คือ ผลผลิตทางการเกษตรเพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้า ด้วยการพัฒนาพันธุ์ข้าวที่มีสารสำคัญของถั่งเช่า ซึ่ง วว. ได้ดำเนินการวิเคราะห์ทดสอบปริมาณสารสำคัญถั่งเช่า Cordycepin และ Adenosine ที่เพิ่มประสิทธิภาพการไหลเวียนของเลือดและช่วยเรื่องภาวะหัวใจเต้นผิดปกติ เสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้ร่างกาย ป้องกันภัยคุกคามจากเชื้อโรคในปัจจุบัน โดยการทดสอบสารสำคัญนี้นำไปสู่การพัฒนาเชิงนวัตกรรมในการผลิตข้าวที่มีสารสำคัญของถั่งเช่า รวมถึงการทดสอบปริมาณสารสำคัญอื่นๆ เช่น สารแกมมา โอริซานอล (Gamma Oryzanol) ที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยกระตุ้นการหลั่งสารเอ็นดอร์ฟิน  (Endorphin) ช่วยผ่อนคลายความเครียดและหลับสบาย ร่วมถึงช่วยพัฒนาผลิตภัณฑ์ ให้ได้รับการรับรองมาตรฐาน อย. สนับสนุนการกล่าวอ้างทางสุขภาพ (Health claim) บนฉลาก เพื่อเพิ่มมูลค่าของผลิตภัณฑ์ เพิ่มช่องทางการขายด้วยการหาเอกลักษณ์ของผลิตภัณฑ์  ส่งเสริมสนับสนุนให้เกษตรกรและผู้ประกอบการมีความเข้มแข็งอย่างยั่งยืน ได้รับความเชื่อถือจากผู้บริโภคทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ

    โดยขณะนี้ประสบผลสำเร็จในการพัฒนาพันธุ์ข้าวที่มีสารสำคัญของถั่งเช่า ในรูปผลิตภัณฑ์ “ข้าวสมุนไพรที่มีสารสำคัญถั่งเช่า” ในแปลงนาปลูกข้าวโดยใช้ปุ๋ยที่ผลิตจากเศษเหลือใช้จากการเพาะเห็ดถั่งเช่าของเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการฯ คือ นายบัณฑิต ศิริสัมพันธ์ และกลุ่มเกษตรกรในพื้นที่ ตำบลหนองพระ อำเภอวังทอง จังหวัดพิษณุโลก นอกจากนั้นยังส่งเสริมการต่อยอดโดยการแปรรูปการนำทรัพยากรมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดและคุ้มค่าที่สุด ที่สำคัญคือการมุ่งไปที่ ZERO WASTE โดยมีการนำต้นข้าวอ่อนที่เหลือจากการเก็บเกี่ยวข้าวมาแปรรูปและเพิ่มมูลค่าผลผลิตให้เป็นผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพในรูป “ชาใบข้าว” เพื่อสร้างทางเลือกแก่ผู้บริโภค สร้างงาน สร้างเงินให้แก่เกษตรกรอย่างยั่งยืน

    “…ข้าวสมุนไพรที่มีสารสำคัญถั่งเช่า ซึ่ง วว. เข้าไปช่วยพัฒนาดังกล่าว ขณะนี้ได้มีการจดอนุสิทธิบัตรในรูปการปลูกข้าวให้มีสารสำคัญของถั่งเช่า และผลิตภัณฑ์ข้าวที่ปลูกได้วางจำหน่ายในท้องตลาดแล้วภายใต้ชื่อผลิตภัณฑ์ คอร์ดี้พาวเวอร์ไรซ์ (Cordy Power Rice) เป็นหนึ่งในผลงานพัฒนานวัตกรรมอาหารปลอดภัยที่ วว. ภาคภูมิใจและร่วมขับเคลื่อนนโยบาย BCG สามารถนำองค์ความรู้ที่เชี่ยวชาญเข้าไปช่วยตอบโจทย์ให้แก่เกษตรกร ผู้ประกอบการได้อย่างเป็นรูปธรรม…” ผู้ว่าการ วว. กล่าว

    ดร.พัชทรา มณีสินธุ์ รองผู้ว่าการบริการอุตสาหกรรม วว. กล่าวเพิ่มเติมว่า วว. พัฒนาข้าวสมุนไพรที่มีสารสำคัญถั่งเช่าร่วมกับเกษตรกรตั้งแต่ขั้นตอนการปลูกข้าว โดยใช้เศษเหลือจากการเพาะเห็ดถั่งเช่าในรูปปุ๋ยที่มีการควบคุมโดยเกษตรกรและทดสอบปริมาณสารโดย วว. ทำให้ผลผลิตมีปริมาณถั่งเช่าในอัตราที่เหมาะสมและมีประโยชน์ต่อร่างกาย จากการทดสอบปริมาณสารอาหารพบว่า ข้าวสมุนไพรที่มีสารสำคัญถั่งเช่า มีสารแกมมา โอริซานอล  (Gamma  Oryzanol)  ในปริมาณสูง โดยมีคุณสมบัติเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ที่มีคุณสมบัติเด่น ได้แก่ ช่วยป้องกันการเกิดการเปลี่ยนแปลงแป็นเซลล์ผิดปกติหรือเซลล์มะเร็ง ป้องกันเซลล์ผิวจากการถูกทำลายด้วยแสงแดด   ลดระดับไขมันในเลือด ลดอัตราเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจอุดตัน เพิ่มการหลั่งสารเอ็นดอร์ฟินช่วยผ่อนหลายความเครียดและหลับสบาย กระตุ้นการหลั่งฮอร์โมนสำหรับการเจริญเติบโต ลดการสูญเสียแคลเซี่ยมทำให้ลดอัตราการเกิดโรคกระดูกพรุน และลดอัตราการเกิดภาวะวัยทอง (Menopause) นอกเหนือจากสารสำคัญในถั่งเช่าแล้ว  พบว่ามีสารคอร์ไดเซปิน (Cordycepin) ที่มีคุณสมบัติเพิ่มประสิทธิภาพการไหลเวียนของเลือด บำรุงและฟื้นฟูระบบการทำงานของไตและปอด ช่วยบรรเทาอาการไตอักเสบและนิ่วในไต นอกจากนั้นยังมีสารอะดีโนซีน (Adenosine) ที่ออกฤทธิ์ยับยั้งความผิดปกติของวงจรในหัวใจ ที่เป็นเหตุให้หัวใจเต้นผิดปกติ

     “…นอกจากการวิจัยพัฒนากระบวนการปลูกข้าวให้มีความสม่ำเสมอและพัฒนาให้ผลผลิตข้าวมีคุณภาพแล้ว วว. ยังพัฒนาต่อยอดในด้านบรรจุภัณฑ์ให้แก่ผู้ประกอบการอุตสาหกรรมอาหารด้วย เพื่อช่วยรักษาคุณภาพและลดความสูญเสียสินค้า ตลอดจนให้ความรู้ด้านเทคโนโลยีบรรจุภัณฑ์และพัฒนาบรรจุภัณฑ์ที่ได้มาตรฐาน เพื่อช่วยเพิ่มศักยภาพในการส่งออกสินค้าอีกด้วย…” รองผู้ว่าการบริการอุตสาหกรรม วว. กล่าว

    นายบัณฑิต ศิริสัมพันธ์ เกษตรกรร่วมโครงการฯ จากตำบลหนองพระ อำเภอวังทอง จังหวัดพิษณุโลก กล่าวว่า เดิมทำการเกษตรปลูกข้าวทั้งบริโภคและจำหน่าย โดยการรวมกลุ่มของเกษตรกรในพื้นที่ใกล้เคียงและกลุ่มเครือญาติมาเป็นระยะเวลานานแล้วพบว่า มีการแข่งขันสูง จึงต้องการพัฒนาผลผลิตให้มีคุณภาพที่โดดเด่นและมีความแตกต่าง ซึ่งได้พิจารณาจากแนวโน้มผู้บริโภคที่มุ่งเน้นด้านการดูแลฟื้นฟูสุขภาพมากขึ้น อีกทั้งทางเลือกในการเข้าถึงผลิตภัณฑ์อาหารที่ดีต่อสุขภาพในปัจจุบันก็เปิดกว้างทั้งช่องทางและวิธีการ จึงได้มาปรึกษา วว. และได้รับความช่วยเหลือมาอย่างต่อเนื่อง จนประสบผลสำเร็จสามารถผลิตข้าวสมุนไพรที่มีสารสำคัญถั่งเช่าออกจำหน่ายได้ในปัจจุบัน นอกจากนั้นยังสามารถนำใบข้าวมาผลิตเป็นชาชงดื่มเพื่อสุขภาพ ซึ่งมีปริมาณสารอาหารที่มีประโยชน์ นอกจากนั้นซังข้าวยังนำไปเป็นปุ๋ยสำหรับใช้หมุนเวียนในระบบการเกษตรของกลุ่มด้วย และในอนาคตจะมีการพัฒนาสารสำคัญในถั่งเช่ากับพืชชนิดอื่นๆ ต่อไป

สอบถามรายละเอียดและรับบริการจาก วว. ติดต่อได้ที่  โทร. 0 2577 9000, 0 2323 1672-80 (ศูนย์ทดสอบและมาตรวิทยา) โทรสาร. 0 2577 9362 อีเมล tistr@tistr.or.th

แหล่งที่มา: 
https://www.tistr.or.th/presscenter/archives/2025