ก.วิทย์ฯ นำ“นวัตกรรมอุปกรณ์ทางการทหารและยานยนต์” ผลงานวิจัยร่วมผู้ประกอบการไทยโชว์ทำเนียบรัฐบาล

ข่าวประจำวันที่: 
Wed 3 October 2018

(2 ตุลาคม 2561) ณ ตึกบัญชาการ ทำเนียบรัฐบาล กรุงเทพฯ - ดร.สุวิทย์ เมษินทรีย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (รมว.วท.) พร้อมด้วยพลเอก นาวิน ดำริกาญจน์ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ฝ่ายการเมือง นำทีมคณะผู้บริหารสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) และบริษัท สกุลฎ์ซี อินโนเวชั่น จำกัด ในกลุ่มบริษัทโชคนำชัย จัดแสดงผลงานวิจัยพัฒนาและนวัตกรรมที่ร่วมกันดำเนินงาน ตัวอย่างเช่น เรืออลูมิเนียม รถอลูมิเนียม โครงสร้างน้ำหนักเบา และอุปกรณ์ทางการทหารให้ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรี เยี่ยมชมก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี เพื่อทราบแนวทางการสนับสนุนอุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่และอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ รวมถึงกระตุ้นและเสริมแกร่งความเข้มแข็งทางด้านการนำผลงานวิจัยและนวัตกรรมมาใช้ในการผลิตของผู้ประกอบการไทยรองรับการพัฒนาอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ (Defense Industry) ให้มีศักยภาพในการสร้างแม่พิมพ์ขึ้นรูปโครงสร้างน้ำหนักเบาเพื่อการผลิตและจำหน่ายแล้วทั้งในและต่างประเทศต่อไป

ทั้งนี้ ดร.สุวิทย์ฯ รมว.วท. เปิดเผยว่า กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดย สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ดำเนินงานตามนโยบายของรัฐบาล ในการขับเคลื่อนไทยแลนด์ 4.0 สนับสนุนด้านการวิจัยและพัฒนากับกลุ่มบริษัท โชคนำชัย ในการวิจัยและพัฒนาโครงสร้างเรือ และรถโดยสาร โดย ศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ (เอ็มเทค) และศูนย์บริการปรึกษาการออกแบบและวิศวกรรม (DECC) หน่วยงานในสังกัด สวทช. ด้วยการใช้กลไกของโปรแกรมสนับสนุนการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม (ITAP) หรือไอแทป รวมถึงการสนับสนุนงบประมาณในการดำเนินงานด้วยเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ การยื่นขอรับการพิจารณาบัญชีนวัตกรรม และการลดภาษี 300% ซึ่งการดำเนินโครงการต่างๆ นั้น ประสบผลสำเร็จเป็นอย่างดี ช่วยให้บริษัท โชคนำชัย และบริษัท สกุลฎ์ซี อินโนเวชั่นฯ สามารถพัฒนากระบวนการผลิตโดยมีนักวิจัยและผู้เชี่ยวชาญให้คำปรึกษา ซึ่งความร่วมมือก้าวต่อไปนั้น กระทรวงวิทย์ฯ จะร่วมวิจัยและพัฒนายานพาหนะสมัยใหม่ รวมถึงชิ้นส่วน โครงสร้าง องค์ประกอบที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนร่วมวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตแม่พิมพ์ การออกแบบ และผลิตโครงสร้างน้ำหนักเบา นอกจากนี้ ยังจะร่วมพัฒนาบุคลากรและกำลังคนที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยียานพาหนะสมัยใหม่ เพื่อสร้างองค์ความรู้ และยกระดับศักยภาพในการผลิตยานยนต์ เพื่อคนไทยให้เกิดขึ้นในประเทศต่อไป

โดยชิ้นงานที่นำมาแสดง ประกอบด้วย อุปกรณ์ทางการทหาร (หุ่นยนต์ จรวดฝนเทียม) เรืออลูมิเนียม (โมเดลเรือ 5 รุ่น) รถอลูมิเนียม (โครงสร้างบัสครึ่งคัน) และตัวอย่าง Advance Material (โครงสร้างน้ำหนักเบาที่เป็นวัสดุขั้นสูง) ดังรายละเอียดต่อไปนี้
อุปกรณ์ทางการทหาร
-EOD ROBOT (หุ่นยนต์เก็บกู้วัตถุระเบิดขนาดเล็ก)
โครงสร้างผลิตด้วยแม่พิมพ์ขึ้นรูป และวัสดุเป็นอลูมิเนียม ทำให้มีน้ำหนักเพียงแค่ 25 กิโลกรัม สามารถวิ่งด้วยความเร็วสูงสุด 1.5 เมตรต่อวินาที และชุดแขนกลสามารถรับน้ำหนักได้สูงสุดถึง 6 กิโลกรัม สามารถขึ้นที่สูงและลงต่ำได้ 35 องศา รวมถึงยังสามารถปฏิบัติงานในพื้นที่น้ำท่วมขังได้ถึงร้อยละ 90 ของความสูงโครงสร้างฐานหุ่นยนต์ ซึ่งมีการทำงานแบบไร้สาย (Wireless) ได้ในระยะมากกว่า 150 เมตร (None Line of Sight)
-Weather Modification Rockets (จรวดดัดแปลงสภาพอากาศ)
ผลิตชิ้นส่วนทางกลสำหรับจรวดดัดแปรสภาพอากาศครบชุด มีชุดมอเตอร์จรวด ชุดพ่วงหาง ตัดจุดจรวด ชุดส่วนหัวและส่วนบรรจุ และที่สำคัญคือชุดฉนวนส่วนท้าย (Rear Insulation Nozzle) เพื่อทำต้นแบบชิ้นส่วนจรวดดัดแปรสภาพอากาศ โครงการวิจัยและพัฒนาจรวดดัดแปรสภาพอากาศ

เรืออลูมิเนียม
เรือส่วนใหญ่ทำจาก Fiber Glass ซึ่งเบากว่าไม้ แต่ช่วง 5 ปีที่ผ่านมาเริ่มนำ Aluminum มาผลิตเรือ เนื่องจากแข็งแรงและเบากว่า ซึ่งหมายถึงต้นทุนเชื้อเพลิงที่ต่ำลง และมีอายุใช้งานนานกว่า 30 ปี โดยไม่ต้อง re-Coating เพื่อลดปัญหาการอมน้ำเหมือนกับ Fiber Glass จากคุณสมบัติดังกล่าว ทำให้เรือ Aluminum เป็นที่ต้องการมากขึ้นในตลาด แต่ยังมีข้อจำกัดหลายประการ เช่น ด้านการขึ้นรูป ระยะเวลาในการผลิต ฯ บริษัทฯ จึงได้คิดค้นทำการวิจัยและพัฒนา Aluminum boat เพื่อตัดข้อจำกัดดังกล่าว พร้อมร่วมมือกับ สวทช. วิจัยและพัฒนาให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น นอกจากนี้เพื่อเพิ่มความปลอดภัย และส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงคุณภาพ มีการใส่ Foam EVA ใต้ท้อง ให้สามารถลอยตัวกรณีน้ำเข้า มี Safety Platform กั้นเครื่องท้ายเรือ และหลังคาแข็ง เพื่อให้เรือมีมาตรฐานและความปลอดภัยเทียบเท่ามาตรฐานที่นำเข้าจากต่างประเทศ

รถอลูมิเนียม
บริษัทได้นำสิ่งที่วิจัยและพัฒนากับเรือมาต่อยอดผลิต Aluminum Bus สัญชาติไทย ที่มีโครงสร้างน้ำหนักเบา ขึ้นรูปโดยการปั๊มและฉีดแบบลดรอยต่อ เสริมความแข็งแรงของโครงสร้างตามจุดเสี่ยงต่างๆ เช่น มุมโครงสร้างหลังคา จุดที่ต้องรับแรงข้างที่นั่งผู้โดยสาร ฯลฯ ผสมผสานกับการนำเทคโนโลยีสมัยใหม่ เพื่อเพิ่มความปลอดภัย ความสะดวกสบายให้ผู้โดยสาร และจะช่วยผู้ประกอบการในการลดต้นทุนเชื้อเพลิงและการลงทุน เนื่องจากมีอายุการใช้งานยาวนาน โดยมีแผนวิจัยและพัฒนาทั้ง Bus Diesel, Bus EV (โดยใช้ E-Body, E-Platform) ที่จะช่วยให้ผู้ประกอบการไทยที่ต้องการพัฒนารถไฟฟ้า สามารถนำไปใช้พัฒนาและต่อยอดได้รวดเร็วยิ่งขึ้น พร้อมนี้ ได้ร่วมกับ สวทช. ในการพัฒนายานยนต์สมัยใหม่ โดยมีแผนรวมกลุ่มบริษัทไทยที่มีนวัตกรรมในแต่ละด้านมาพัฒนาร่วมกัน (Consortium) เพื่อให้เกิดการขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจไทย และการพัฒนาองค์ความรู้อย่างยั่งยืน

ข้อมูลโดย : ฝ่ายประชาสัมพันธ์ สวทช. โทร. 089 128 5004 (ลัญจนา) / 081 614 4465 (วีระวุฒิ)
เผยแพร่ข่าว : นางสาวปวีณ์นุช ถือแก้ว
ส่วนสื่อสารองค์กร
กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
โทรศัพท์ 0 2333 3700 ต่อ 3728 - 3732 โทรสาร 0 2333 3834
e-mail : pr@most.go.th
Facebook : sciencethailand
Call Center กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โทร.1313

แหล่งที่มา: 
http://www.most.go.th/main/th/news/sort-by-strategic/strategic1/34-news-gov/7623-2018-10-02-07-42-02