การปฐมพยาบาลแผลไฟไหม้ น้ำร้อนลวก

การปฐมพยาบาลแผลไฟไหม้ น้ำร้อนลวก 

      การปฐมพยาบาลแผลไฟไหม้และน้ำร้อนลวกเป็นการช่วยเหลือเบื้องต้นที่สำคัญเพื่อบรรเทาอาการและป้องกันการบาดเจ็บที่รุนแรงยิ่งขึ้น โดยการปฐมพยาบาลที่ถูกต้องจะช่วยลดการเกิดแผลติดเชื้อ ลดการสูญเสียน้ำและป้องกันไม่ให้แผลลุกลามจนเกิดความเสียหายที่อาจจะคงอยู่ถาวรได้ การเข้าใจวิธีการจัดการกับแผลไฟไหม้และน้ำร้อนลวกอย่างถูกต้องเป็นสิ่งสำคัญในการดูแลรักษาผู้บาดเจ็บจนถึงขั้นตอนการรักษาทางการแพทย์ต่อไป

แผลไฟไหม้ น้ำร้อนลวก แบ่งเป็น 3 ระดับ ดังนี้

  1. ดีกรีความลึกระดับ 1 คือ บาดแผลอยู่แค่เพียงผิวหนังชั้นหนังกำพร้าเท่านั้น ผิวหนังเป็นรอยแดง ไม่บวมพองน้ำ มีอาการแสบร้อนมาก นาน 24-72 ชั่วโมง อาการแสบร้อนจะทุเลาลง แผลชนิดนี้ไม่ติดเชื้อ สามารถโดนน้ำไก้ตามปกติ ไม่จำเป็นต้องทำแผล รอยแดงจะค่อยๆจางลงและไม่เป็นแผลเป็น

  2. ดีกรีความลึกระดับ 2 คือ บาดเจ็บในบริเวณชั้นหนังแท้ ผิวหนังบวมพองน้ำ มีอาการแสบร้อน ควรทำแผลและปิดแผลป้องกันการติดเชื้อ แผลหายภายใน 7-10 วันและไม่เป็นแผลเป็น

  3. ดีกรีความลึกระดับ 3 คือ ชั้นผิวหนังทั้งหมดถูกทำลายด้วยความร้อน เป็นแผลแดง มีอาการแสบร้อน ควรทำแผลด้วยครีมที่มีส่วนผสมของยาปฏิชีวนะและสารที่ช่วยเร่งการหายของแผล หากไม่มีภาวะติดเชื้อ แผลจะสร้างผิวหนังทดแทนภายในเวลา 14-28 วัน แล้วแต่ขนาดของแผล

การปฐมพยาบาลแผลไฟไหม้ น้ำร้อนลวก ดังนี้

  • ล้างด้วยน้ำสะอาดที่อุณหภูมิปกติ ซึ่งเชื่อว่าจะมีผลช่วยลดการหลั่งสารที่ทำให้เกิดอาการปวดบริเวณบาดแผลได้
  • หลังจากนั้นซับด้วยผ้าแห้งสะอาด แล้วสังเกตว่าถ้าผิวหนังมีรอยถลอก มีตุ่มพองใสหรือมีสีของผิวหนังเปลี่ยนไป ควรรีบไปพบแพทย์
  • หากมีแผลบริเวณใบหน้า จะต้องได้รับการรักษาจากแพทย์โดยเร็วที่สุด เพราะบริเวณใบหน้ามักจะเกิดอาการระคายเคืองจากยาที่ใช้ ห้ามใส่ยาใดๆก่อนถึงมือแพทย์

ข้อห้าม เมื่อโดนไฟไหม้ น้ำร้อนลวก

  • ไม่ควรใส่ตัวยา/สารใด ๆ ทาลงบนบาดแผล ถ้าไม่แน่ใจในสรรพคุณที่ถูกต้องของยาชนิดนั้น โดยเฉพาะ”ยาสีฟัน” “น้ำปลา” เพราะสิ่งเหล่านี้จะทำให้เกิดอาการระคายเคืองต่อบาดแผล เพิ่มโอกาสการเกิดบาดแผลติดเชื้อ และทำให้รักษาได้ยากขึ้น

การดูแลตนเองหลังการรักษาแผลไฟไหม้ น้ำร้อนลวก

  1. หลีกเลี่ยงการสัมผัสฝุ่นผง หรืออะไรก็ตามที่จะทำให้ระคายเคือง

  2. หลีกเลี่ยงการสัมผัสสัตว์ทุกชนิด เพราะหากโดนบริเวณแผลก็อาจทำให้คันหรือมีการติดเชื้อได้ง่าย

  3. รับประทานอาหารที่มีโปรตีนสูง เช่น เนื้อสัตว์ เพื่อเสริมการสร้างเนื้อเยื่อใหม่ทำให้บาดแผลสมานปิดเร็วขึ้น

  4. หมั่นทายา/รับประทานยาตามแพทย์สั่งอย่างเคร่งครัด ที่สำคัญต้องรักษาความสะอาดแผลให้ดีด้วย

วันที่: 
Mon 10 February 2025
แหล่งที่มา: 
https://www.chularat3inter.com/th/contents/burns-and-scalds-treatment
Hits 152 ครั้ง