หยุดผมเสีย ไขคำตอบปัญหาที่แชมพูทั่วไปเอาไม่อยู่

ผมแห้งและแตกปลาย ยังคงเป็นปัญหากวนใจของหนุ่มสาวที่นิยมไว้ผมยาวอยู่ทุกยุคสมัย อย่างไรก็ตามแม้ว่าจะมีผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมที่มีการโฆษณาให้เห็นถึงสรรพคุณในการฟื้นฟูต่างๆ แต่นั่นก็ยังไม่ช่วยให้หลายคนมีผมสุขภาพดีได้เท่าที่ต้องการ เช่นนั้นแล้วอะไรที่เป็นสาเหตุของความเปราะบางของเส้นผม และอะไรที่อาจเข้ามาเป็นตัวช่วยใหม่ๆ ให้เส้นผมนุ่มลื่นมากยิ่งขึ้น

เคราติน (Keratin)
          
เป็นโปรตีนเส้นใยที่เป็นองค์ประกอบของเส้นผมของมนุษย์ ซึ่งโดยปกติแล้ว ธรรมชาติของเส้นผมที่นุ่มลื่นและมีสุขภาพดีเกิดขึ้นจากพันธะโมเลกุลระหว่างเส้นใยเคราตินที่เรียกว่า พันธะไดซัลไฟด์ (disulfide bridges) ที่เกาะยึดกันอย่างแข็งแรง แต่ด้วยความร้อน รังสียูวี หรือสารประกอบเคมีบางชนิดที่อยู่ในส่วนผสมของผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดเส้นผมมีส่วนในการทำลายพันธะดังกล่าว ผลที่ได้คือ เส้นผมที่เปราะบางและแตกปลายได้ง่าย และแม้ว่าครีมนวดผมหรือทรีทเม้นท์ต่าง ๆ จะพยายามช่วยซ่อมแซมเส้นผมโดยการแทนที่โมเลกุลของโปรตีนในบริเวณที่พันธะไดซัลไฟด์ที่ถูกทำลาย แต่น่าเสียดายที่ส่วนผสมส่วนใหญ่จะไม่มีประสิทธิภาพมากพอ เนื่องด้วยข้อจำกัดในเรื่องของค่า pH ของทั้งโปรตีนและในเส้นผมที่จะต้องมีค่าเท่ากัน
          การศึกษาหนึ่งนำโดยวิทยาลัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีการอาหารของมหาวิทยาลัย Jiangnan ประเทศจีน ตีพิมพ์ผลงานวิจัยลงในวารสาร Royal Society Open Science โดยได้ทดลองใช้โปรตีนกลูเตน (Gluten) จากข้าวสาลี ซึ่งเป็นโมเลกุลเชิงประกอบที่มีพันธะไดซัลไฟด์จำนวนมาก ผสมลงในแชมพูและทดลองใช้กับเส้นผมตัวอย่าง จากนั้นทำการทดสอบความเสียดทานจากการหวีผม ปรากฏว่ามีแรงเสียดทานลดลง นอกจากนี้เมื่อทดสอบผ่านกล้องจุลทรรศน์ยังพบว่า เส้นผมมีความเปราะบางลดลง และพื้นผิวของเส้นผมเรียบเนียนมากขึ้นด้วย

กลูเตน (Gluten) เป็นโปรตีนชนิดหนึ่งที่ช่วยรักษารูปร่างของอาหาร หรือทำหน้าที่เสมือนกาวที่เชื่อมต่อส่วนของอาหารเข้าด้วยกันซึ่งพบได้ในอาหารหลายชนิด โดยเฉพาะในธัญพืชกลุ่มข้าวสาลี ข้าวไรย์ ข้าวบาร์เลย์ เป็นต้น

          อย่างไรก็ดี แม้ว่าการทดสอบดังกล่าวจะแสดงให้เห็นว่า กลูเตนโปรตีนจากข้าวสาลีช่วยซ่อมแซมและฟื้นฟูเส้นผมที่เปราะบางและแตกปลายได้ แต่ก็ยังคงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีการศึกษาเพิ่มเติมเพื่อให้ผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมมีคุณภาพที่ดีพอต่อผู้บริโภคในอนาคต

วันที่: 
Thu 17 July 2025
แหล่งที่มา: 
https://www.scimath.org/article-chemistry/item/9101-2018-10-18-08-33-30
Hits 76 ครั้ง