หลังขับรถลุยน้ำท่วมควรทำอย่างไร

วันที่เผยแพร่: 
Wed 12 October 2022

          หลังขับรถ ลุยน้ำท่วม ควรทำอะไรบ้าง แม้ว่าโดยทั่วไปแล้วไม่มีใครอยากขับรถผ่านถนนที่มีน้ำท่วมขัง แต่การขับรถลุยน้ำท่วมก็มักเป็นสิ่งที่เลี่ยงไม่ได้ และไม่เฉพาะช่วงฤดูฝนที่มักมีฝนตกบ่อยและหนักเท่านั้น เพราะแม้ในฤดูอื่นที่อยู่ดีๆ มีฝนตกหนักขึ้นมาก็อาจทำให้มีน้ำท่วมขังได้ ซึ่งเมื่อเจอสถานการณ์น้ำท่วมที่เลี่ยงไม่ได้ นอกจากการขับรถผ่านถนนที่มีน้ำท่วมขังอย่างระมัดระวังแล้ว ยังมีหลายสิ่งที่ควรทำหลังจากขับรถผ่านน้ำท่วมมาแล้ว ทั้งเพื่อให้การทำงานของรถสามารถทำงานได้ตามปกติ รวมทั้งเพื่อเป็นการตรวจสอบความเสียหายต่างๆ ที่อาจเกิดกับรถจากการลุยน้ำท่วม โดยที่มีบางสิ่งสามารถทำได้ในขณะกำลังขับรถอยู่ และควรทำเมื่อจอดรถ

1.เช็คเบรกให้ทำงานได้ปกติ
          หลังจากเพิ่งขับรถผ่านถนนที่น้ำท่วมมา อย่างเพิ่งดีใจที่ผ่านพ้นมาได้แล้วเหยียบคันเร่งจนมิดเพื่อใช้ความเร็วสูง แต่ควรมั่นใจก่อนว่าระบบเบรกของรถอยู่ในสภาพปกติ เพราะโดยทั่วไปแล้วเบรกมักจะลื่นและสูญเสียการจับตัวหลังจากเปียกน้ำ
          ดังนั้นเมื่อพ้นจากถนนที่มีน้ำท่วมและอยู่ในสถานการณ์ที่ปลอดภัยไม่มีรถตามมาข้างหลัง หรือตามมาห่างๆ ก็ควรเหยียบเบรกสัก 2-3 ครั้งก่อนที่จะขับต่อไป เพื่อช่วยให้ผ้าเบรกกับจานเบรกหรือดรัมเบรกอยู่ในสภาพปกติเมื่อมีการสัมผัสกันตอนเบรก แห้ง และให้ประสิทธิภาพการเบรกดีที่สุด

2.สังเกตเครื่องยนต์     
          สิ่งหนึ่งที่ผู้เป็นเจ้าของรถซึ่งขับรถของตนเองประจำน่าจะรู้รับได้ก็คือ เมื่อมีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้นกับเครื่องยนต์ ดังนั้นหลังจากลุยน้ำท่วมแล้วจึงควรสังเกตว่าเครื่องยนต์ของรถมีลักษณะอย่างไร แต่ก็ไม่ถึงกับต้องจับผิดจนเกินไป
          หากพบว่าเครื่องยนต์มีอาการกระตุก หรือมีอาการอื่นที่ไม่ปกติเกิดขึ้นในขณะขับ เช่น เร่งไม่ขึ้นหรือเสียงดัง ทางที่ดีควรจอดรถแล้วตรวจสอบ โดยสิ่งแรกที่ควรดูคือก้านวัดระดับน้ำมันเครื่อง หากพบว่ามีสีเหมือนกาแฟใส่นมหรือเหมือนนมขุ่นๆ แสดงว่ามีน้ำเข้าไปในเครื่องยนต์ สิ่งต่อมาที่ควรดูคือกรองอากาศ เพราะหากน้ำเข้าทางนี้ กรองอากาศและท่อไอดีจะเปียก
          สิ่งหนึ่งที่ควรรู้ก็คือหากมีน้ำเข้าเครื่องยนต์ควรให้ช่างตรวจสอบและทำการแก้ไขให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้เพื่อป้องกันความเสียหายหนักขึ้น

3.ตรวจสอบระบบอีเล็กทรอนิกและไฟฟ้าของรถ
         แม้ว่ารถยนต์ในปัจจุบันที่เต็มไปด้วยการทำงานต่างๆ จะมีการใช้สายที่ทนต่อน้ำ แต่ก็ไม่ได้หมายถึงการรับประกัน 100 เปอร์เซ็นต์ว่าความชื้นจะไม่เข้าไปและทำให้เกิดความเสียหาย เพื่อความมั่นใจว่าไม่มีน้ำเข้าสู่ระบบอีเล็กทรอนิกและสายไฟต่างๆ ควรตรวจสอบที่ภายในกล่องฟิวส์ดูว่ามีความเสียหายหรือไม่ หากมีความเสียหายที่ฟิวส์ใดก็ควรเปลี่ยนดูโดยอ้างอิงจากที่ฝากล่องฟิวส์รถยนต์ รวมไปถึงดูกล่องอีซียูและเช็ดให้สะอาดหากเปียกน้ำ
         นอกจากนี้ควรตรวจสอบไฟต่างๆ ภายนอกรถด้วย โดยหากรู้สึกว่าอยู่ในสภาพที่ไม่ปกติ ควรถอดขั้วต่อแบตเตอรีออกเพื่อรอให้ช่างตรวจสอบและประเมิน

4.ดูภายในห้องโดยสาร
          บางครั้งน้ำที่ท่วมอาจเข้ามาที่พื้นรถได้ผ่านตามส่วนที่เป็นซีลและรอยต่อต่างๆ ดังนั้นจึงควรนำพรมปูพื้นออกหากรู้สึกว่าด้านใต้พรมมีน้ำแฉะ และไม่ควรทิ้งให้น้ำขังอยู่ภายในรถ ควรดูดหรือเช็ดน้ำออกแล้วเช็ดให้แห้งทันทีเมื่อทำได้
          นอกจากนี้รถยนต์หลายรุ่นจะมีโมดูลควบคุมถุงลมนิรภัยอยู่ที่ใต้เบาะคนขับ ซึ่งควรดูแลไม่ให้มีความชื้น หลังจากขับรถลุยน้ำท่วมแล้วควรตรวจสอบส่วนต่างๆ ของรถทันทีหรือภายในหนึ่งถึงสองวัน เพราะหากไม่มีการตรวจสอบแล้วปล่อยทิ้งไว้ อาจนำมาสู่ความเสียหายที่หนักขึ้นตามมาได้

เผยแพร่ : ณภัทร โพธิ์อยู่ (เจ้าหน้าที่บริหารจัดการเว็บไซต์และประสานงานโครงการ)
สํานักงานปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
กองระบบและบริหารข้อมูลเชิงยุทธศาสตร์การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (กรข.)
กลุ่มพัฒนาระบบสารสนเทศ (พร.)

Social Media
Facebook : stkcsociety
Youtube channel : STKC Society 
Tiktok : stkcsociety
Twitter : stkcsociety

แหล่งที่มา
https://www.grandprix.co.th/drive-through-flood/

QR Code for https://www.stkc.go.th/stiarticle/%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%82%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%A3%E0%B8%96%E0%B8%A5%E0%B8%B8%E0%B8%A2%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B3%E0%B8%97%E0%B9%88%E0%B8%A7%E0%B8%A1%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%A3%E0%B8%97%E0%B8%B3%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B9%84%E0%B8%A3
Hits 724 ครั้ง