19 เรื่องจริงบนดาวพฤหัสบดี

วันที่เผยแพร่: 
Thu 23 June 2022

   ดาวพฤหัสบดีมีชื่อในภาษาอังกฤษว่า จูปิเตอร์ (Jupiter) ซึ่งเป็นชื่อของราชาแห่งทวยเทพทั้งหลายของชาวโรมัน และเป็นชื่อที่เหมาะสมกับดาวเคราะห์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในระบบสุริยะดวงนี้ นอกจากจะมีขนาดใหญ่ที่สุดในบรรดาดาวเคราะห์ทั้งหมดในระบบสุริยะแล้ว ดาวพฤหัสบดียังมีความน่าสนใจอีกหลายประการ บางอย่างเราอาจไม่เคยรู้เลยก็เป็นได้

1. ดาวพฤหัสบดีเป็นดาวเคราะห์วงนอก คืออยู่ถัดจากแถบดาวเคราะห์น้อยออกไป โดยเป็นดาวเคราะห์ก๊าซ เช่นเดียวกับ ดาวเสาร์ ดาวยูเรนัส และดาวเนปจูน ซึ่งอยู่ถัดออกไปจากดวงอาทิตย์

2. ดาวพฤหัสบดีเป็นดาวเคราะห์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในระบบสุริยะ สามารถบรรจุโลกของเราลงไปได้ถึง 1,300 ใบ และหากนำมวลของดาวเคราะห์ทั้งหมดในระบบสุริยะรวมกัน ดาวพฤหัสบดีจะมีมวลมากกว่าถึง 2.5 เท่าเลยทีเดียว

3. นอกจากดาวพฤหัสบดีจะมีขนาดใหญ่ที่สุดในระบบสุริยะแล้ว ยังมีดวงจันทร์บริวารมากเป็นอันดับสอง รองจากดาวเสาร์อีกด้วย ดาวพฤหัสบดีจึงมีดวงจันทร์บริวารเป็น 79 ดวง

4. ดาวพฤหัสบดีเป็นดาวเคราะห์ก๊าซ มันจึงแตกต่างจากดาวพุธ ดาวศุกร์ โลก และดาวอังคาร นั่นคือ มันไม่มีพื้นผิวดาวที่แท้จริงให้ยานอวกาศลงจอด เพราะชั้นนอกของดาวพฤหัสบดีนั้นประกอบไปด้วยก๊าซไฮโดรเจนและฮีเลียมเป็นหลัก (คล้ายกับดวงอาทิตย์) 

5. แม้ว่าบนดาวพฤหัสบดีจะไม่มีพื้นดาวที่แท้จริง แต่มันกลับมีมหาสมุทรที่ใหญ่ที่สุดในระบบสุริยะ โดยมหาสมุทรนี้มีความหนาประมาณ 40,000 กิโลเมตร เกิดจากไฮโดรเจน  ซึ่งนักวิทยาศาสตร์คาดว่า มหาสมุทรดังกล่าวอาจมีความลึกไปถึงกึ่งกลางดวงดาวเลยก็เป็นได้

6. ชั้นบรรยากาศของดาวพฤหัสบดีนั้นถูกปกคลุมไปด้วยกลุ่มเมฆและพายุหมุนที่มีความหนาประมาณ 50 กิโลเมตร โดยบริเวณกลุ่มเมฆจะมีอุณหภูมิ -145 องศาเซลเซียส แต่ยิ่งใกล้แกนกลางของดาวมากเท่าไร อุณหภูมิก็จะยิ่งร้อนขึ้นเท่านั้น 

7. ชั้นบรรยากาศของดาวพฤหัสบดีโดยรวมประกอบด้วยก๊าซไฮโดรเจน 89% และฮีเลียม 11%  โดยสามารถแบ่งชั้นบรรยากาศของดาวพฤหัสบดีได้เป็นชั้นนอกสุด ประกอบด้วย ผลึกแข็งของแอมโมเนีย ส่วนชั้นกลางเป็นผลึกของแอมโมเนียไฮโดรซัลไฟด์ และต่ำลงไปเป็นเมฆ ไอน้ำ และน้ำแข็ง  ทั้งนี้ผลึกแอมโมเนีย ซัลเฟอร์ และสารประกอบที่เกิดจากสารทั้งสองชนิด ทำให้ชั้นบรรยากาศของดาวพฤหัสบดีมีกลิ่นไม่พึงประสงค์นัก
 
8. สีของดาวพฤหัสบดีมีลักษณะเป็นแถบสีขาวสลับกับแถบสีน้ำตาล สีส้ม และสีแดง แถบนี้มี 2 ลักษณะคือแถบสว่าง เรียกว่า zone ซึ่งเป็นบริเวณที่ก๊าซในชั้นบรรยากาศของดาวพฤหัสบดีสูงขึ้น และแถบมืดเรียกว่า belts ซึ่งเป็นบริเวณที่ก๊าซในชั้นบรรยากาศของดาวพฤหัสบดียุบลง สีที่แตกต่างกันมีสาเหตุมาจากความแตกต่างของอุณหภูมิและองค์ประกอบบนแถบนั้น 

9. ดาวพฤหัสบดีจะเห็นจุดกลม ๆ สีแดงขนาดใหญ่ อยู่บนแถบสีที่พาดดวงดาวอยู่ นั่นคือพายุหมุนที่รุนแรงมีความเร็วประมาณ 400 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ถูกพบครั้งแรกในปี ค.ศ. 1665 และได้รับการยืนยันว่าเป็นพายุหมุนที่รุนแรงจากการทำภารกิจของยาน Voyager 1 ในปี ค.ศ. 1979

10. ดาวพฤหัสบดีอยู่ห่างจากดวงอาทิตย์เป็นระยะทางเฉลี่ย 778 ล้านกิโลเมตร หรือ 5.2 AU (หน่วยดาราศาสตร์) ซึ่งไกลมากเมื่อเทียบกับโลก (โลกอยู่ห่างจากดวงอาทิตย์ 1 AU) ทำให้แสงจากดวงอาทิตย์ต้องใช้เวลาเดินทางมาจากดาวดวงนี้นานถึง 43 นาที

11. ในยามค่ำคืน เราสามารถมองเห็นดาวพฤหัสบดีได้จากโลก ดาวที่สว่างกว่าดาวพฤหัสบดีก็คือ ดวงอาทิตย์ พระจันทร์ และดาวศุกร์
 
12. องค์ประกอบไฮโดรเจนและฮีเลียมของดาวพฤหัสบดี มีความคล้ายคลึงกับองค์ประกอบบนดวงอาทิตย์มาก แต่ดาวพฤหัสบดีก็ยังไม่สามารถกลายเป็นดาวฤกษ์ที่ส่องสว่างเจิดจ้าอย่างดวงอาทิตย์ได้ เพราะมันมีมวลไม่เพียงพอที่จะกระตุ้นให้เกิดปฏิกิริยาฟิวชันที่แกนกลางของดาว แต่หากมันมีมวลมากกว่าปัจจุบันสัก 70-80 เท่า ก็อาจเกิดดาวฤกษ์ดวงใหม่ขึ้นมาอีกดวงหนึ่งก็เป็นได้

13. ดาวพฤหัสบดีเคลื่อนที่ได้เร็ว มันใช้เวลาเพียง 10 ชั่วโมง หมุนรอบตัวเอง 1 รอบ ด้วยความเร็ว 12.6 กิโลเมตรต่อวินาที หรือ 45,300 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ดังนั้น 1 วันบนดาวพฤหัสบดีจึงสั้นกว่า 1 วันบนดาวเคราะห์อื่น ๆ อย่างไรก็ตาม ด้วยระยะทางที่ไกลจากดวงอาทิตย์มาก ดาวพฤหัสบดีจึงใช้เวลาโคจรรอบดวงอาทิตย์ยาวนานถึง 12 ปี หรือ 4,333 วันของโลก 

14. ด้วยความเร็วในการหมุนรอบตัวเองของดาวพฤหัสบดีที่เร็วกว่าดาวเคราะห์ดวงอื่น ๆ ทำให้แกนกลางของดาวที่อาจประกอบไปด้วยไฮโดรเจนและโลหะเหลวเคลื่อนตัวไปด้วย และสร้างสนามแม่เหล็กที่ทรงพลังที่สุดในบรรดาดาวเคราะห์ในระบบสุริยะ

15. นอกจากดาวเสาร์แล้ว ดาวพฤหัสบดีเองก็มีวงแหวนเช่นกัน โดยถูกพบต่อจากดาวเสาร์ ยูเรนัส และเนปจูน ด้วยยานอวกาศ Voyager 1 ในปี ค.ศ. 1979 แต่วงแหวนของดาวพฤหัสบดีนั้นเป็นวงแหวนบางและจางมาก 

16. มียานอวกาศทั้งหมด 9 ลำที่เคยไปเยี่ยมเยือนดาวพฤหัสบดีมาแล้ว โดยยานอวกาศลำแรกเป็นยานอวกาศจากนาซ่าที่มีชื่อว่า Pioneer 10 ถูกส่งไปยังดาวพฤหัสบดีในเดือนธันวาคม ปี ค.ศ. 1973 และปีต่อมา Pioneer 11 ก็ถูกส่งตามไป ตามด้วย  Voyager 1 and 2, Ulysses, Galileo, Cassini, และ New Horizons และเพื่อทำการศึกษาดาวพฤหัสบดีอย่างใกล้ชิดยิ่งขึ้น ล่าสุดนาซ่าได้ทำการส่งยานอวกาศลำที่ 9 ขึ้นไปในปี 2016 โดยใช้ชื่อว่า Juno ซึ่งเป็นยานอวกาศที่โคจรรอบดาวพฤหัสเพื่อทำการสำรวจ 

17. โดยทั่วไปแล้วแรงโน้มถ่วงหรือแรงดึงดูดระหว่างมวลจะมากหรือน้อยขึ้นกับมวลของวัตถุ ดังนั้น จึงไม่น่าแปลกที่ดาวพฤหัสบดีที่มีมวลมากกว่าโลกจะมีแรงโน้มถ่วงมากกว่าประมาณ 2.4 เท่า ซึ่งหมายความว่า หากชั่งน้ำหนักบนโลกได้ 100 กิโลกรัม เมื่อไปชั่งบนดาวพฤหัสบดี ก็จะมีน้ำหนักเท่ากับ 240 กิโลกรัม 

18. แม้ว่าดาวพฤหัสบดีจะมีขนาดใหญ่กว่ามาก มีมวลมากกว่าโลกมาก แต่สิ่งหนึ่งที่โลกของเหนือกว่าดาวพฤหัสบดีก็คือความหนาแน่น เพราะโลกมีความหนาแน่น 5.51 กรัมต่อลูกบาศก์เซนติเมตร ขณะที่ดาวพฤหัสบดีมีความหนาแน่นเพียง 1.33 กรัมต่อลูกบาศก์เซนติเมตร ทั้งนี้เนื่องจากองค์ประกอบส่วนใหญ่ของดาวพฤหัสบดีนั้นเป็นกลุ่มก๊าซจำนวนมากนั่นเอง 

19. ด้วยโครงสร้างและองค์ประกอบของดาวพฤหัสบดีซึ่งเป็นดาวเคราะห์ก๊าซ รวมถึงอุณหภูมิ และความดันที่มีความรุนแรงและผันผวนเกินกว่าที่สิ่งมีชีวิตจะปรับตัวให้อยู่รอดได้ ที่แห่งนี้จึงไม่เอื้อต่อสิ่งมีชีวิตหรือการดำรงชีวิต อย่างไรก็ตาม 

เรียบเรียง : ณภัทร โพธิ์อยู่
กลุ่มพัฒนาระบบสารสนเทศ(พร.)
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
Facebook : @stkcsociety                          
Youtube chanel : STKC Society Official

แหล่งที่มา
https://www.trueplookpanya.com/blog/content/89328/-sciear-sci-

 

Hits 6,754 ครั้ง