วันสะเก็ดเงินโลก

วันที่เผยแพร่: 
Wed 22 October 2025

 

29 ตุลาคม วันสะเก็ดเงินโลก (World Psoriasis Day)

องค์การอนามัยโลก (World Health Organization : WHO) ได้มีมติให้วันที่ 29 ตุลาคมเป็นวันโรคสะเก็ดเงินโลกอย่างเป็นทางการ เมื่อ ค.ศ. 2004 เพื่อรณรงค์ให้สังคมเข้าใจว่า โรคสะเก็ดเงินไม่ใช่โรคติดต่อ แม้จะรักษาไม่หายขาด โรคสะเก็ดเงิน หรือ โรคเรื้อนกวาง (Psoriasis) เป็นโรคผิวหนังชนิดเรื้อรัง ซึ่งเกิดจากการหนาตัวของชั้นหนังกำพร้า พบได้ในทุกเพศทุกวัยแต่จะพบมากในช่วงอายุ 10-30 ปี โรคนี้ถ่ายทอดทางพันธุกรรม และสามารถพบได้ทุกแห่งทั่วร่างกายตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า บริเวณที่พบบ่อย ได้แก่ ศีรษะ ลำตัว แขนขา ข้อศอก หัวเข่า ฝ่ามือ ฝ่าเท้า เล็บมือและเล็บเท้า อาการเป็นมากบ้างน้อยบ้างแตกต่างกันในแต่ละคน บางคนเป็น 2-3 จุด แต่บางคนเป็นมากจนลุกลามไปทั่วทั้งตัว ศีรษะเป็นรังแคบาง ๆ หรือเป็นปื้นหนาเป็นหย่อม ๆ เล็บผิดปกติ เล็บล่อนไม่ติดกับผิว หรือหนาขรุขระ

 

ระบาดวิทยา (Epidemiology)

โรคสะเก็ดเงินพบได้ประมาณร้อยละ  1  -  2  ของประชากรทั้งหมด  พบได้ทุกเชื้อชาติ  อัตราการเกิดโรค เท่ากันทั้งเพศชายและเพศหญิง พบได้บ่อยใน 2 ช่วงอายุ คือ ช่วงอายุน้อย (22.5 ปี) และอายุมาก (55 ปี)1,2 ผู้ป่วยโรคสะเก็ดเงินที่แสดงอาการของโรคตั้งแต่อายุน้อยจะพบมีความรุนแรงของโรคมากกว่า  ผู้ป่วยที่มีอาการเมื่ออายุมาก และผู้ป่วยที่แสดงอาการช่วงอายุน้อยพบว่ามีประวัติมีคนในครอบครัวจะเป็นโรคสะเก็ดเงินด้วย

 

สาเหตุ (Pathogenesis)
ยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด จากหลักฐานในปัจจุบันทราบว่าน่าจะเกิดจากหลายปัจจัยร่วมกัน ได้แก่ พันธุกรรม  ระบบภูมิคุ้มกันและปัจจัยกระตุ้นภายนอก

 

ปัจจัยกระตุ้น 

ผื่นอาจกําาเริบได้ภายหลังสิ่งกระตุ้น ดังต่อไปนี้
-    การเกา  หรือบางครั้งผื่นอาจเกิดขึ้นบนแผลถลอกหรือรอยแผลผ่าตัด  (Koebner phenomenon)

-    ภาวะติดเชื้อ    เช่น  Guttate  psoriasis  - associated  with  Strep  infections พบบ่อยในเด็ก

-     HIV

-     การตั้งครรภ์

-     ความเครียด

-    หลังได้รับยาบางชนิด  เช่น β-blockers, antimalarials,  lithium,  IFN,  ACE inhibitors, GCSF, NSAIDs

-     การหยุดสเตียรอยด์

-     แอลกอฮอล์

-     บุหรี่ สูบมากกว่า 20 มวน ต่อวัน เพิ่มอัตราเสี่ยงของสะเก็ดเงินขั้นรุนแรง 2 เท่า

 

วิธีการรักษาโรคสะเก็ดเงินมี 4 วิธี หลักๆ ได้แก่

1.    ยาทาภายนอก เช่น ยาทาสเตียรอยด์ ยาทากลุ่มวิตามินดี ยาทากลุ่มนํา้ามันดิน ยาทา Dithranol (Anthralin)

2.    ยารับประทาน เช่น  Methotrexate Retinoid Cyclosporine

3.    การฉายแสงอัลตร้าไวโอเลต เช่น Narrow band UVB, PUVA

4.    ยาฉีดชีวโมเลกุล เช่น Etanercept, Infliximab, Ustekinumab

      เนื่องจากโรคสะเก็ดเงินเป็นโรคเรื้อรังที่ยังไม่ทราบสาเหตุชัดเจน  และปัจจุบันยังไม่มีวิธีรักษาให้หายขาดได้ ดังนั้น  ควรพิจารณาเลือกวิธีการรักษาที่ควบคุมผื่นได้ดีและมีผลข้างเคียงน้อยที่สุด

     บางครั้งผู้ป่วยบางรายอาจไม่ตอบสนองการรักษาด้วย monotherapy  อาจจะต้องพิจารณา  combination treatment ระหว่างการรักษาด้วยวิธีต่างๆ เช่น topical therapies + phototherapy หรือ topical therapies + systemic therapiesหรือ phototherapy + acitretin หรือ phototherapy +methotrexate อีกทั้งยังหวังผลเพื่อลด dose และ ผลข้างเคียงของแต่ละวิธีอีกด้วย

 

เจ้าของข้อมูล: 
กรมประชาสัมพันธ์
Hits 51 ครั้ง