เครื่องหมายวรรคตอน ในภาษาไทย
|
ชื่อเครื่องหมายวรรคตอน |
รูปเครื่องหมาย |
|
มหัพภาค |
. |
|
จุลภาค |
, |
|
วงเล็บ หรือ นขลิขิต |
( ) |
|
ยัติภังค์ |
- |
|
อัญประกาศ |
“ ” |
|
ปรัศนี |
? |
|
อัศเจรีย์ |
! |
|
ไม้ยมก หรือ ยมก |
ๆ |
|
ไปยาลน้อย หรือ เปยยาลน้อย |
ฯ |
|
ไปยาลใหญ่ หรือ เปยยาลใหญ่ |
ฯลฯ |
|
ไข่ปลาหรือจุดไข่ปลา |
... |
|
สัญประกาศ |
___ |
|
บุพสัญญา |
” |
|
ทับ |
/ |
เครื่องหมายวรรคตอน คือ เครื่องหมายที่ใช้เขียนกำกับคำ กลุ่มคำ ประโยค หรือข้อความให้เด่นชัดเพื่อให้อ่านได้ถูกต้อง และช่วยให้ผู้อ่านเข้าใจความหมายได้ชัดเจนขึ้น เช่น
1. มหัพภาค ( . )
มีหลักเกณท์การใช้ดังนี้
- ใช้เพื่อแสดงว่าจบประโยคหรือจบความ
เช่น กรี น. กระดูกแหลมที่หัวกุ้ง - ใช้เขียนไว้หลังตัวอักษร เพื่อแสดงว่าเป็นอักษรย่อ
เช่น ม.ค. คำเต็มว่า มกราคม - ใช้เขียนไว้ข้างหลังตัวอักษรหรือตัวเลขที่บอกลำดับข้อ
เช่น 1. 2. ก. ข. - ใช้คั่นระหว่างชั่วโมงกับนาทีเพื่อบอกเวลา
เช่น 9.30 น. อ่านว่า เก้านาฬิกาสามสิบนาที - ใช้เป็นจุดทศนิยม แล้วจุดทศนิยมให้อ่านตัวเลขเรียงกันไป
เช่น 2.345 อ่านว่า สองจุดสามสี่ห้า
ยกเว้นในกรณีเงินตรา ถ้าอ่านเป็นหน่วยเงินตราได้ ให้อ่านตามหน่วยเงินตรานั้น เช่น 10.50 บาท อ่านว่า สิบบาทห้าสิบสตางค์
2. จุลภาค ( , )
มีหลักเกณท์การใช้ดังนี้
- ใช้คั่นจำนวนเลขนับจากหลักหน่วยไปทีละ 3 หลัก
เช่น 1,500 อ่านว่า หนึ่งพันห้าร้อย - ใช้แยกวลีหรืออนุประโยคเพื่อกันความเข้าใจสับสน
เช่น นายเทิดศักดิ์ที่นั่งคู่กับนางยุพดี, เป็นผู้อำนวยการโรงเรียน - ใช้คั่นคำในรายการที่เขียนต่อ ๆ กัน ตั้งแต่ 3 รายการขึ้นไป โดยเขียนคั่นแต่ละรายการ ส่วนหน้าคำ "และ" หรือ "หรือ" ที่อยู่หน้ารายการสุดท้ายไม่จำเป็นต้องใส่เครื่องหมายจุลภาค
เช่น พระรัตนตรัย คือ แก้ว 3 ประการ หมายถึง พระพุทธ, พระธรรม และพระสงฆ์ - ใช้ในการเขียนบรรณานุกรม ดรรชนี และนามานุกรม
เช่น คึกฤทธิ์ ปราโมช, ม.ร.ว. - ใช้ในหนังสือประเภทพจนานุกรมเพื่อคั่นความหมายของคำที่มีความหมายหลาย ๆ อย่าง
เช่น บรรเทา ก. ทุเลหรือทำให้ทุเลา, ผ่อนคลายหรือทำให้ผ่อนคลายลง
3. วงเล็บ หรือ นขลิขิต ()
มีหลักเกณท์การใช้ดังต่อไปนี้
- ใช้กันข้อความที่ขยายหรืออธิบายไว้เป็นพิเศษ เพื่อช่วยให้เข้าใจข้อความนั้นได้แจ่มแจ้งขึ้น
เช่น มนุษย์ได้สร้างโลภะ (ความโลภ) โทสะ (ความโกรธ) และโมหะ (ความหลงผิด) - ใช้กันข้อความที่บอกที่มาของคำหรือข้อความ
เช่น ชลี (กลอน) ก. อัญชลี, ไหว้ - ใช้กับหัวข้อที่เป็นตัวอักษรหรือตัวเลข ซึ่งอาจจะใช้เพียงเครื่องหมายวงเล็บปิดก็ได้
เช่น (ก) หรือ ก) (ข) หรือ 1) - ใช้กับนามเต็มที่เขียนใต้ลายมือชื่อ
เช่น นายขยัน ทำงานดี
(นายขยัน ทำงานดี)
การอ่านออกเสียงข้อความที่มีเครื่องหมายวงเล็บ มีวิธีการอ่านหลายวิธี สุดแท้แต่กาละเทศะ โอกาสหรือจุดประสงค์ของการสื่อสาร เช่น ถ้าจะอ่านเพื่อให้ผู้ฟังจดจำไว้ให้ถูกต้อง ถ้าเป็นข้อความสั้น ๆ ควรอ่านว่า "วงเล็บ" ตัวอย่าง พระยาศรีสุนทรโวหาร (ภู่) อ่านว่า พระยาศรีสุนทรโวหารวงเล็บภู่ หรือ พระยาศรีสุนทรโวหารภู่ ก็ได้
ถ้าข้อความนั้นยาวมาก ให้อ่านว่า "วงเล็บเปิด" แล้วอ่านข้อความในวงเล็บจนจบ แล้วอ่านว่า "วงเล็บปิด" หรืออาจเสริมข้อความว่า "ต่อไปนี้เป็นข้อความในวงเล็บ" เมื่ออ่านหมดข้อความก็อ่านว่า "หมดข้อความในวงเล็บ" ก็ได้
4. ยัติภังค์ ( - )
มีหลักเกณท์การใช้ดังนี้
- ใช้เขียนไว้ที่สุดบรรทัดเพื่อต่อพยางค์หรือคำสมาส ซึ่งจำเป็นต้องเขียนแยกบรรทัดกัน เนื่องจากมาอยู่ตรงสุดบรรทัด และไม่มีที่พอจะบรรจุคำเต็มได้
เช่น ตำแหน่งประ-
ธานสภาผู้แทนราษฎร
- ใช้เขียนไว้ท้ายวรรคหน้าในบทร้อยกรอง เพื่อต่อพยางค์หรือคำสมาส ที่จำเป็นต้องเขียนคาบบรรทัดกัน เพื่อให้ถูกต้องตามฉันทลักษณ์
เช่น คนเด็ดดับสูญสัง- ขารร่าง - ใช้แยกพยางค์เพื่อบอกคำอ่าน โดยเขียนไว้ระหว่างพยางค์แต่ละพยางค์
เช่น เส-มา - ใช้ในความหมายว่า "และ" หรือ "กับ"
เช่น เชิญชมการแข่งขันฟุตบอลนัดพิเศษระหว่างทีม นครสวรรค์ - พิจิตร (กับ)
ภาษาตระกูลไทย - จีน (และ)
- ใช้ในความหมายว่า "ถึง" เพื่อแสดงช่วงเวลา จำนวน สถานที่ (เวลาเขียนหรือพิมพ์ให้เว้นหน้าและหลังเครื่องหมาย - ประมาณ 1 ช่วงตัวอักษร)
เช่น เวลา 9.00 - 10.30 น. อ่านว่า เวลาเก้านาฬิกาถึงสิบนาฬิกาสามสิบนาที - ใช้เขียนแสดงลำดับย่อยของรายการที่ไม่ต้องใส่ตัวอักษร
เช่น - พิธีเปิดงาน
- รำอวยพร
5.อัญประกาศ ( “ ” )
มีหลักเกณท์การใช้ดังนี้
- ใช้เพื่อแสดงว่าคำหรือข้อความนั้น เป็นคำพูดหรือความนึกคิด
เช่น ครูพูดกับนักเรียนว่า “ขอให้ทุกคนตั้งใจจริง แล้วจะประสบความสำเร็จ” - ใช้เพื่อแสดงว่าคำหรือข้อความนั้นคัดมาจากที่อื่น
เช่น สุนทรภู่เขียนเตือนใจเรื่องความมีไมตรีต่อกันไว้ในเรื่องพระอภัยมณีตอนหนึ่งว่า "ปรารถนาสารพัดในปัถพี เอาไมตรีแลกได้ดังใจจง" - ใช้เพื่อเน้นคำหรือข้อความนั้นให้เด่นชัดขึ้น
เช่น คำว่า “ตะโก้” พจนานุกรมฉบับบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542 ได้ให้ความหมายไว้ว่าหมายถึง “ชื่อขนมชนิดหนึ่งทำด้วยแป้งข้าวเจ้ากวนเข้ากับน้ำตาล ใส่แห้วหรือข้าวโพดเป็นต้นก็ได้ หยอดหน้าด้วยกะทิกวนกับแป้ง”
ในการอ่านออกเสียง เมื่อมีเครื่องหมายอัญประกาศเปิดให้อ่านว่า "อัญประกาศเปิด" และเมื่อถึงเครื่องหมายอัญประกาศปิดให้อ่านว่า "อัญประกาศปิด"
6. ปรัศนี ( ? )
มีหลักเกณท์การใช้ดังต่อไปนี้
- ใช้เมื่อสิ้นสุดประโยคที่เป็นคำถาม
เช่น ทำไมเธอถึงมาโรงเรียนสาย? - ใช้หลังข้อความเพื่อแสดงความสงสัยหรือไม่แน่ใจ มักเขียนอยู่ในวงเล็บ
เช่น กฤษฎาธาร (กริดสะดาทาน) น. พระทีนั่งที่ทำขึ้นสำหรับเกียรติยศ (?)
7. อัศเจรีย์ ( ! )
มีหลักเกณท์การใช้ดังนี้
- ใช้เขียนหลังคำ วลี หรือประโยคที่เป็นคำอุทาน
เช่น อื้อฮือ! มากจังเลย - ใช้เขียนหลังคำเลียนเสียงธรรมชาติ เพื่อให้ผู้อ่านทำเสียงได้เหมาะสมกับเหตุการณ์ในเรื่องนั้น ๆ
เช่น โครม !
8. ไม้ยมก หรือ ยมก ( ๆ )
มีหลักเกณท์การใช้ คือ ใช้เขียนหลังคำ วลี หรือประโยค เพื่อให้อ่านซ้ำคำ วลี หรือประโยค อีกครั้งหนึ่ง
เช่น 1. เด็กเล็ก ๆ อ่านว่า เด็กเล็กเล็ก
2. แต่ละวัน ๆ อ่านว่า แต่ละวันแต่ละวัน
หมายเหตุ
1. คำที่เป็นคำซ้ำ ต้องใช้ไม้ยมก หรือยมก (ๆ) เสมอเช่น สีดำๆ เด็กตัวเล็ก ๆ
2. ห้ามใช้ไม้ยมก หรือยมก (ๆ) ในกรณีดังต่อไปนี้
2.1 เมื่อเป็นคำคนละบท คนละความ เช่น "ฉันจะไปปทุมวัน ๆ นี้" ผิด ต้องเขียนเป็น "ฉันจะไปปทุมวันวันนี้"
2.2 เมื่อรู้คำเดิมเป็นคำ 2 พยางค์ ที่มีเสียงซ้ำกัน เช่น นานา เช่น นานาชาติ นานาประการ
2.3 เมื่อเป็นคำคนละชนิดกัน เช่น คนคนนี้มีวินัย (คน คำแรกเป็นคำสามานยนาม คน คำหลังเป็นลักษณนาม)
2.4 เมื่อเป็นคำประพันธ์ เช่น หวั่นหวั่นจิตคิดคิดครวญครวญหา, คอยคอยหายหลายหลายนัดผัดผัดมา
Social Media
Facebook : stkcsociety
Twitter : stkcsociety
Tiktok : stkcsociety
Youtube channel : STKC Society
เจ้าของข้อมูล
ทรูปลูกปัญญา
