ภัยของความโดดเดี่ยว
My Loneliness is killing me. นี่คือท่อนหนึ่งของเพลงจากยุค 90 ฟังดูเหมือนจะเป็นแค่คำบ่น แต่เอาเข้าจริงๆ Loneliness หรือความโดดเดี่ยวกลับเป็นอันตรายต่อสุขภาพจิตของคุณจริง ๆ
Loneliness หรือ ความโดดเดี่ยวเป็นประสบการณ์ทั่วไปและเป็นเรื่องปกติที่คนส่วนใหญ่มักจะพบในช่วงใดช่วงหนึ่งของชีวิต ในขณะเดียวกันความโดดเดี่ยวก็มีด้านมืดที่ทุกคนควรพึงระวังด้วยเช่นกัน โดยความรู้สึกโดดเดี่ยวนั้นจะส่งผลเสียอย่างมากต่อทั้งสุขภาพจิตและสุขภาพร่างกายของเรา
จากการศึกษาวิจัยพบว่าความโดดเดี่ยวมีความสัมพันธ์กับความเสี่ยงของปัญหาสุขภาพจิตที่เพิ่มขึ้น เช่น โรคซึมเศร้าและวิตกกังวล โดยการศึกษาที่ตีพิมพ์ในวารสาร Health Psychology พบว่าผู้ที่รายงานว่ารู้สึกโดดเดี่ยวมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้น 26% ที่จะเป็นโรคซึมเศร้า และมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้น 32% ที่จะเป็นโรควิตกกังวล นอกจากนี้ความโดดเดี่ยวยังมีความเกี่ยวข้องกับปัญหาสุขภาพร่างกาย รวมถึงความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นของโรคหัวใจและหลอดเลือด รวมไปถึงอายุขัยที่สั้นลง การศึกษาที่ตีพิมพ์ในวารสาร Heart พบว่าผู้ที่รายงานว่ารู้สึกโดดเดี่ยวมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้น 29% ในการเกิดโรคหัวใจ และมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้น 32% ที่จะเสียชีวิตจากสาเหตุใด ๆ ก็ตาม
จะเห็นได้ว่าผลกระทบด้านลบของความโดดเดี่ยวสามารถเห็นได้อย่างชัดเจนจากข้อมูลสนับสนุนข้างต้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในผู้สูงอายุที่อาจมีความเปราะบางต่อการถูกแยกตัวทางสังคมเนื่องมาจากปัจจัยต่าง ๆ เช่น การสูญเสียคนรักหรือบุคคลสำคัญในชีวิต รวมถึงมีข้อจำกัดทางด้านร่างกาย โดยการศึกษาที่ตีพิมพ์ในวารสาร Aging and Mental Health พบว่าผู้สูงอายุที่รายงานว่าตนเองรู้สึกโดดเดี่ยวมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้น 59% ที่จะเสียชีวิตก่อนวัยอันควร เมื่อเทียบกับผู้ที่ไม่ได้รายงานว่ารู้สึกโดดเดี่ยว
โดยรวมแล้วสิ่งสำคัญคือการตระหนักถึงผลกระทบของความโดดเดี่ยวและหาทางเพื่อจัดการกับความโดดเดี่ยวที่เกิดขึ้น ซึ่งรวมถึงการขอความช่วยเหลือจากสังคมหรือคนรอบข้าง การมีส่วนร่วมในกิจกรรมที่ส่งเสริมความสัมพันธ์ทางสังคม หรือการขอความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจิตเมื่อความโดดเดี่ยวที่เกิดขึ้นมีผลกระทบอย่างมากต่อสุขภาพจิตและร่างกายของเรา
ถึงแม้ว่าความโดดเดี่ยวจะเป็นประสบการณ์ที่คนส่วนมากพบได้บ่อยและถือว่าเป็นเรื่องปกติ แต่สิ่งสำคัญคือควรหาทางเพื่อป้องกันหรือรับมือกับความโดดเดี่ยวที่กลายเป็นปัญหาเรื้อรังหรือน่ากังวลมากขั้น โดยวิธีที่เป็นประโยชน์ในการรับมือกับความโดดเดี่ยวมีดังนี้
1. ขอความช่วยเหลือจากคนอื่น ๆ
การอยู่ท่ามกลางเพื่อน ๆ หรือสมาชิกในครอบครัวที่ให้กำลังใจเรา สามารถช่วยลดความรู้สึกโดดเดี่ยวได้ สิ่งสำคัญคือต้องพยายามรักษาและกระชับความสัมพันธ์ที่มีอยู่ไว้ รวมถึงการสร้างความสัมพันธ์ใหม่ ๆ จากการทำกิจกรรมที่สนใจหรือกลุ่มที่มีความสนใจเหมือนกันกับตนเอง
2. มีส่วนร่วมในกิจกรรมที่ส่งเสริมความสัมพันธ์ทางสังคม
การมีส่วนร่วมในกิจกรรมที่ต้องมีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น เช่น การเป็นอาสาสมัคร การเข้าร่วมชมรม หรือการเข้าชั้นเรียน สามารถช่วยลดความรู้สึกโดดเดี่ยวได้ อย่างน้อยหากคุณไม่ได้ออกไปไหน ลองเข้าร่วมกิจกรรมทางออนไลน์บ้างก็ช่วยบรรเทาได้เช่นกัน แม้จะไม่เท่าการออกไปพบหน้าคนอื่น ๆ ก็ตาม
3. ให้ความสำคัญกับการดูแลตนเอง
การดูแลสุขภาพร่างกายและจิตใจสามารถช่วยลดความรู้สึกโดดเดี่ยวได้โดยการเพิ่มความรู้สึกการเป็นอยู่ที่ดีและเพิ่มความรู้สึกการมีคุณค่าในตนเอง ซึ่งสามารถทำได้โดยการทำกิจกรรมต่าง ๆ เช่น ออกกำลังกาย นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ และหาเวลาส่วนตัวเพื่อผ่อนคลายหรือคลายเครียด
4. ขอความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญ
หากความรู้สึกโดดเดี่ยวยังคงอยู่หรือก่อให้เกิดความไม่สบายใจมากเกินไป การขอความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจิต ไม่ว่าจะเป็นนักจิตวิทยาหรือผู้ให้คำปรึกษา จะสามารถช่วยให้เราพบสาเหตุที่แท้จริงของความรู้สึกโดดเดี่ยวและหาวิธีการที่เหมาะสมเพื่อรับมือกับความโดดเดี่ยวที่เกิดขึ้นได้
แหล่งที่มา
https://www.istrong.co/single-post/loneliness-mental-health
เผยแพร่ : นายปฏิภาณ นามแก้ว
(เจ้าหน้าที่พัฒนาเว็บไซต์และประสานงานโครงการ)
สํานักงานปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
กองระบบและบริหารข้อมูลเชิงยุทธศาสตร์การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (กรข.)
กลุ่มพัฒนาระบบสารสนเทศ (พร.)
Social Media
Facebook : stkcsociety
Youtube channel : STKC Society
Tiktok : stkcsociety
Twitter : stkcsociety
instagram : stkcsociety