วันวาเลนไทน์

วันวาเลนไทน์ (Valentine’s Day) หรือที่เราอาจะเคยได้ยินชื่อเรียกตามแบบสากลว่า วันนักบุญวาเลนไทน์ (Saint Valentine’s Day) ตรงกับวันที่ 14 กุมภาพันธ์ของทุกปี ซึ่งในแต่ละประเทศทั่วโลกโดยเฉพาะประเทศในแถบตะวันตกก็จะจัดให้มีการเฉลิมฉลองอย่างยิ่งใหญ่อีกด้วย แต่ในปัจจุบันเทศกาลวันแห่งความรักก็ได้รับความนิยมกันไปทั่วโลก ซึ่งนับได้ว่าเป็นวันสำคัญอีกวันหนึ่งที่คู่รักทุกคู่ เพื่อนฝูง พี่น้อง หรือแม้แต่คนในครอบครัวจะมอบความรักให้แก่กันเป็นพิเศษ แต่เดิมวันวาเลนไทน์เป็นเพียงวันเฉลิมฉลองให้กับนักบุญในศาสนาคริสต์ยุคแรกที่มีชื่อว่า วาเลนตินัส ซึ่งวันวาเลนไทน์นั้นถูกกำหนดขึ้นเป็นครั้งแรกโดย สมเด็จพระสันตปาปาเกาซิอุสที่ 1 ในช่วง ค.ศ. 496 ก่อนที่จะถูกลบออกจากปฏิทินนักบุญทั่วไปของโรมัน (General Roman Calendar of saints) โดย สมเด็จพระสันตปาปาปอลที่ 6 ในช่วง ค.ศ. 1969
ประวัติวันวาเลนไทน์
ว่ากันว่า เทศกาลวันวาเลนไทน์ (Valentine’s Day) เริ่มมีขึ้นเมื่อครั้งที่ยุคจักรวรรดิโรมันเรืองอำนาจ ขณะนั้น วันที่ 14 กุมภาพันธ์ในทุกๆ ปี ถูกจัดให้เป็นวันหยุดเพื่อเป็นเกียรติแก่เทพเจ้าจูโนผู้เป็นจักรพรรดินีแห่งเทพเจ้าโรมัน อีกทั้งยังทรงเป็นเทพเจ้าแห่งอิสตรีเพศ โดยกำหนดให้วันที่ 15 กุมภาพันธ์ ซึ่งเป็นอภิเษกสมรสของพระองค์เป็นวันเริ่มต้นเทศกาลการเฉลิมฉลองแห่งลูกเพอร์คาร์เลีย เป็นวันเริ่มต้นงานเลี้ยงของเด็กหนุ่มและเด็กสาวในยุคนั้น
ต่อมาในรัชสมัยของจักรพรรดิคลอดิอัสที่ 2 (Emperor Claudius II) แห่งกรุงโรม พระองค์ทรงเป็นกษัตริย์ที่มีนิสัยใจคอดุร้าย อีกทั้งทรงนิยมในการทำศึกสงครามที่ต้องนองเลือด พระองค์ได้ทรงตระหนักว่าเหตุที่ชายหนุ่มส่วนมากไม่ประสงค์จะเข้าร่วมกองทัพ เนื่องมากจากว่าชายหนุ่มเหล่านั้นไม่อยากพลัดพรากจากคนที่รักและครอบครัวไป จักรพรรดิคลอดิอัสที่ 2 จึงทรงมีคำสั่งห้ามไม่ให้จัดพิธีหมั้นและแต่งงานขึ้นในกรุงโรมโดยเด็ดขาด ด้วยคำสั่งนั้นทำให้ประชาชนเกิดความทุกข์ใจเป็นอย่างมาก แต่ก็ไม่สามารถทำอะไรได้
ในยุคสมัยเดียวกัน ได้มีนักบุญรูปหนึ่งนามว่า เซนต์วาเลนไทน์ หรือวาเลนตินัส เขาอาศัยอยู่ในกรุงโรมและได้ร่วมมือกับเซนต์มาริอัสจัดพิธีแต่งงานให้กับชาวคริสต์หลายคู่ ด้วยความปราถนาดีของวาเลนไทน์ที่มีต่อคู่รักที่อาศัยอยู่ในเมืองนี้เองทำให้เขาต้องถูกจับคุมขัง ซึ่งในระหว่างที่เซนต์วาเลนไทน์ต้องถูกจองจำเป็นนักโทษ เขาก็ยังคงส่งคำอวยพรวาเลนไทน์ออกไปอย่างต่อเนื่อง
ว่ากันว่าวาเลนไทน์ได้ตกหลุมรักหญิงสาวนางหนึ่งที่เป็นลูกสาวของผู้คุมเรือนจำที่ชื่อว่า จูเลีย เธอได้มาเยี่ยมวาเลนไทน์ในช่วงคืนก่อนที่วาเลนไทน์จะถูกประหารชีวิตด้วยการตัดศีรษะ โดยเขาได้ส่งจดหมายฉบับสุดท้ายถึงจูเลีย ลงท้ายว่า “From Valentine” ภายหลังจากที่วาเลนไทน์ถูกประหารชีวิตไป ศพของเขาได้ถูกเก็บเอาไว้ที่โบสถ์พราซีเดส (Praxedes) ในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 270 ณ กรุงโรม โดยจูเลียได้ปลูกต้นอามันต์ หรือต้นอัลมอนด์สีชมพูไว้ใกล้ๆ กับหลุมของวาเลนตินัส หรือเซนต์วาเลนไทน์ผู้เป็นที่รักของเธอ ทุกวันนี้ ต้นอามันต์สีชมพูก็ได้กลายเป็นตัวแทนแห่งความรักนิรันดรและมิตรภาพอันสวยงามนับแต่นั้นมาจนถึงปัจจุบัน ถึงแม้ว่าเรื่องราวความเป็นจริงของประวัติวันวาเลนไทน์จะเป็นเรื่องเล่าที่เลวร้าย แต่นั่นก็สะท้อนให้เห็นถึงความรัก ควาเมตตา ความกล้าหาญ และได้กลายเป็นเครื่องหมายของความรักสุดโรแมนติค ทำให้ในช่วงยุคกลางของจักรวรรดินั้นเซนต์วาเลนไทน์จึงกลายเป็นนักบุญที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในประเทศอังกฤษและฝรั่งเศส
การปฏิบัติในวันวาเลนไทน์
เมื่อเทศกาลวันวาเลนไทน์เดินทางมาถึง ในแต่ละประเทศก็จะมีประเพณี ตลอดจนการปฏิบัติที่แตกต่างกันไป แต่โดยรวมแล้วก็จะมีการเฉลิมฉลองและแสดงออกถึงความรักระหว่างกัน ในอดีตเรามักนิยมเขียนการ์ดอวยพรส่งถึงกันด้วยลายมือ แต่เมื่อเทคโนโลยีเจริญรุดหน้าไป การพัฒนาในหลายๆ ด้านของประเทศก็มีเพิ่มมากขึ้น หนึ่งในนั้นก็เป็นเรื่องของการพิมพ์ เราจึงหันมานิยมส่งบัตรพิมพ์อวยพรวันวาเลนไทน์ที่มีความสวยงามกว่าทดแทนวิธีเดิม ถือได้ว่าเป็นการช่วยการแสดงออกถึงความรัก ความห่วงใยเดินทางไปถึงคนที่เรารักได้เร็วยิ่งขึ้น นอกจากนี้ คุณก็สามารถส่งดอกไม้ ขนม และช็อกโกแลต เพื่อเป็นการบอกความนัยให้แก่คนพิเศษของคุณได้เพิ่มเติม ทำให้ในวันวาเลนไทน์นี้กลายเป็นโอกาสพี่เศษที่เราจะได้แสดงออกถึงความรัก และส่งความรู้สึกดีๆ ให้แก่กัน
20 เรื่องที่ควรรู้เกี่ยวกับวันวาเลนไทน์
เมื่อวันแห่งความรักหรือวันวาเลนไทน์เวียนวนมาอีกครั้ง หันไปทางไหนก็มีแต่คนรักกัน แต่ถึงอย่างนั้นวันวาเลนไทน์ก็ควรจะเป็นวันดีๆ ที่มีแต่เรื่องดีๆ ใช่ไหมล่ะ จึงขอนำเสนอ 20 เรื่องที่ควรจะรู้ไว้เกี่ยวกับวันวาเลนไทน์ เพื่อให้ทุกๆ คนทำวันวาเลนไทน์ของเราให้เป็นวันวาเลนไทน์ที่มีคุณค่ามากกว่าวันที่เสียเงินซื้อของขวัญ หรือแสดงออกว่ารักกันแบบที่ไม่รู้ความหมายที่แท้จริงของความรัก ว่าแล้วเราก็มาดูกันเลย
- วันวาเลนไทน์เกิดขึ้นเพื่อระลึกถึงนักบุญเซนต์วาเลนไทน์ (Saint Valentine) ผู้รับโทษประหารในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 270 เพราะในยุคนั้นมีกฎหมายห้ามไม่ให้มีการแต่งงานของพวกคริสเตียน แต่เซนต์วาเลนไทน์ยังแอบจัดงานแต่งงานให้กับคู่รักคริสเตียนจนถูกจับขังและรับโทษ โดยในขณะที่ถูกคุมขังนั้น เขาก็พบรักกับสาวตาบอดซึ่งเป็นลูกสาวของผู้คุม ด้วยความรักและคำอธิษฐานของเขา พระเจ้าได้ทรงโปรดให้ตาของสาวคนรักหายเป็นปกติ แต่เมื่อความนี้ล่วงรู้ถึงหูกษัตริย์ เซนต์วาเลนไทน์จึงถูกประหารชีวิตด้วยการตัดศีรษะ ต่อมาเมื่อคนทั่วไปทราบเรื่องราวจึงเกิดความประทับใจและยึดถือเอาวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ของทุกปีเป็น วันแห่งความรัก นั่นเอง
- คนที่ฟ้าส่งมาให้รักเรามากที่สุดคือ พ่อแม่ เป็นรักไม่มีวันหมดอายุ ไม่มีเงื่อนไข เพราะต่อให้เราอ้วน น่าเกลียด พิการ ทำตัวงี่เง่ายังไง พ่อแม่ก็ยังรักและพร้อมจะเสียสละเพื่อเราเสมอ ดังนั้นในวันวาเลนไทน์ จึงอยากให้คุณๆ ทำดีต่อคุณพ่อคุณแม่ให้มากๆ นะคะ
- คนที่ไม่มีแฟนไม่ใช่คนอาภัพน่าสงสารในวันวาเลนไทน์ เพราะคนโสดก็มีความรักได้ และคนที่น่าสงสารที่สุดก็คือคนที่ไม่มีความรักในหัวใจต่างหากล่ะ อีกอย่าง...คนที่มีแฟน แต่แฟนห่วยแตก ชีวิตเหมือนถูกขังให้ทรมานไปวันๆ น่าสงสารกว่าคนโสดเป็นไหนๆ
- จากการสำรวจพบว่าในวัยเรียน เด็กคอซอง คนที่ให้ของขวัญบอกรักกันมากที่สุดในวันวาเลนไทน์ ไม่ใช่ คู่รัก แต่เป็น เพื่อน ดังนั้นอย่าเครียดไปเลยที่แม้ว่าจะยังไม่มีแฟนมาควงแขนอวดใครในวันวาเลนไทน์ เพราะถึงยังไง เราก็ยังมีเพื่อนมากมายที่มอบความรักต่อกันได้อยู่นะ
- กุหลาบราคาแพงไม่ได้แสดงว่าเขารักเรามากจริงๆ ดังนั้นอย่าไปเชื่อคำพูดของใครว่า รักเรามาก เพียงเพราะเขาให้ดอกกุหลาบราคาแพงหูฉี่ เรื่องแบบนี้อยู่ที่ใจล้วนๆ
- ครูที่ปรึกษาหลายท่านร้องไห้ด้วยความซาบซึ้ง เมื่อลูกศิษย์ประจำห้องมอบดอกกุหลาบวันวาเลนไทน์ให้ท่านคนละดอก ลองวางแผนเซอร์ไพรส์ครูดูไหมล่ะ ให้เพื่อนๆ เอาดอกไม้ไปไหว้ครูพร้อมๆ กัน ได้เห็นครูน้ำตาร่วงเพราะซึ้งใจชัวร์
- เมื่อเธอมองรอบตัวจะพบสิ่งมีชีวิต ลองเป็นผู้ให้ความรักแก่พวกเขา มีเมตตาแก่พวกเขาดู แล้วเธอจะเต็มอิ่มไปด้วยรักในหัวใจ
- คนที่ได้ดอกกุหลาบมากที่สุด ไม่ได้หมายความว่าจะมีความรักที่น่าอิจฉาที่สุด ตรงกันข้าม คนที่ไม่ได้ของขวัญวาเลนไทน์สักชิ้น อาจจะมีรักที่น่าอิจฉาที่สุดเลยก็เป็นได้
- ของขวัญวันวาเลนไทน์ที่มีค่าที่สุด อาจลงทุนน้อยที่สุด เช่น การ์ดที่ตั้งใจทำกับมือ ดาวกระดาษที่พับมาเป็นเดือนๆ หรือของราคาถูกแต่ตั้งใจหาซื้อมาด้วยใจ เพราะฉะนั้น อย่าตีค่าความรักของใครด้วยราคาของขวัญที่เขาให้ เราดูที่การกระทำดีกว่านะ ก็มีค่ายิ่งใหญ่สุดๆ แล้ว
- เดือนกุมภาพันธ์ซึ่งเป็นเดือนแห่งความรัก กลับเป็นเดือนที่มีวันน้อยที่สุดของปี บอกให้เรารู้ว่า ความรักจะสั้นหรือยาวไม่ได้อยู่ที่วันเวลาที่คบกันมา แต่อยู่ที่การทำทุกนาทีให้มีค่าร่วมกัน
- วันวาเลนไทน์ไม่ใช่วันเสียตัวแห่งชาติ เรื่องนี้สำคัญมาก เพราะกลายเป็นแฟชั่นแปลกๆ ไปแล้วว่าวาเลนไทน์โรงแรมม่านรูดจะต้องเต็ม! ไม่เวิร์คเลย เพราะที่สุดแล้ว คนที่จะต้องมานั่งเสียใจในภายหลังก็คือเราคนเดียวเท่านั้น การมีอะไรกันไม่ได้บ่งบอกว่ารักกันเสมอไป ควรมีเมื่อถึงเวลาที่เหมาะสมเท่านั้น
- วันวาเลนไทน์ แม้จะตื่นเต้นยังไง ก็ยังต้องเรียนหนังสือ ไม่ใช่เอาแต่เหม่อมองรอคอยใครมาให้ดอกไม้ หรือร่าเริงโดดเรียนไปเที่ยวซะงั้น บางคนพอถึง วันวาเลนไทน์ สติแตก เอาแต่วางแผนว่าจะเซอร์ไพรส์แฟนยังไง ทำอะไรบ้าง สรุปวันนี้สอบตกเพราะไร้สติโดยสิ้นเชิงล่ะ
- คนโสดก็มีวาเลนไทน์ที่อบอุ่นได้แค่เพียงรักตัวเอง ขอให้จำไว้เลยว่า แค่เพียงเราใช้วันวาเลนไทน์เป็นวันที่เราดูแลสุขภาพร่างกาย มอบความรักให้ตัวเอง เราก็จะเป็นคนที่น่าอิจฉาที่สุดได้อยู่แล้ว
- อย่าเสียเงินไปซื้อดอกไม้หรือตุ๊กตามาเดินถือ เพียงเพราะกลัวขายหน้าที่ยังไม่มีใครให้ของขวัญวาเลนไทน์ มันเป็นอะไรที่ไร้สาระมากๆ เพราะการเดินมือเปล่าในวันวาเลนไทน์ไม่ใช่เรื่องน่าอายซักกะหน่อย ถ้ารวยนักละก็ เอาเงินไปบริจาคให้เด็กยากจนดีกว่านะ
- ถ้าอยากให้ของขวัญวาเลนไทน์ที่อยู่นานๆ ต้นไม้ในกระถางก็น่ารักดี ดีกว่าดอกไม้ราคาแพงหูฉี่ แต่สามวันเน่า ลองไปหาซื้อไม้ใบ ไม้ดอกสวยๆ เอามามอบให้กัน ราคาถูกกว่า แถมอยู่ได้นานกว่าด้วย อีกอย่างมันก็มีความหมายเป็นนัยว่า รักของเราจะมั่นคงยาวนาน เหมือนต้นไม้ที่เติบโตและไม่เหี่ยวเฉาง่ายๆ ถ้าได้รับการดูแลอย่างดี
- ผู้ชาย 55 เปอร์เซ็นต์มองว่าการให้ดอกไม้วาเลนไทน์เป็นเรื่องไร้สาระ บางคนถือว่าการให้ดอกไม้ผู้หญิงเป็นพวกเชยระเบิด ถ้าจะต้องทำเซอร์ไพรส์ให้เราวันวาเลนไทน์ เพราะความรักของเขาอาจจะไม่ได้โฟกัสที่ตรงจุดนั้น
- สิ่งที่จะทำให้ผู้ชายซึ้งใจและรักเรามากคือความเข้าใจ ไม่ใช่ของขวัญวาเลนไทน์ราคาแพง เพราะฉะนั้นไม่จำเป็นเลยที่เราจะต้องอดข้าว อดน้ำเพื่อซื้อของราคาแพงเกินตัวให้เขา ถ้าเขารักเราจริง เขาคงไม่สบายใจที่เห็นเราต้องทรมานตัวเองแบบนั้นหรอกนะ ความเข้าใจในตัวของเขาและอยู่กับเขาโดยสร้างความสุขให้กันได้ทุกวันสำคัญสุดแล้ว
- โลกของเราก็อยากได้ของขวัญวาเลนไทน์ ลองหันมารักโลก ทำสิ่งดีๆ ให้โลกกันดูไหม เช่น ปลูกต้นไม้ สัญญากับตัวเองว่าจะลดการใช้ถุงพลาสติก ประหยัดไฟ ประหยัดน้ำ ฯลฯ แบบนี้ก็ดีเหมือนกันนะ
- ความสำคัญของการมีแฟนไม่ได้อยู่ที่มีคนเดินด้วยในวันวาเลนไทน์เท่านั้น ฉะนั้น อย่าคิดโง่ๆ แค่ว่าอยากมีแฟนเพราะจะได้มีคนมาเดินข้างๆ ในวันวาเลนไทน์ จนต้องรีบควานหาเอาใครก็ได้มาเคียงคู่ เพียงเพราะว้อนท์อยากมีแฟนใจจะขาด แบบนั้นเธอเสี่ยงจะเจอรักคุดหรือรักสุดแย่ได้
- เราสามารถมีวันวาเลนไทน์ได้ทุกวัน แค่เพียงทำทุกวันให้เป็นวันแห่งความรัก ดูแลกันและกันทุกวัน ใส่ใจกันทุกวัน แล้วเธอก็จะพบว่า ไม่ว่าวันไหน โลกก็เป็นสีชมพูได้ แค่เพียงยังมีกันและกันอยู่เสมอ
แหล่งที่มา
https://www.sanook.com/campus/931822/
- 306 reads