วันทนายความ

วันที่: 
20 February

สภาทนายความ เป็นสถาบันของนักวิชาชีพทางกฎหมายในกระบวนการยุติธรรมของบ้านเมือง ที่ก่อตั้งขึ้นตามพระราชบัญญัติทนายความ พ.ศ.2528 หลังจากได้ผลักดันให้เกิดสภาทนายความ มาอย่างยาวนาน

เนื่องจากวิชาชีพทนายความแต่เดิมนั้นถูกมองแต่ในด้านที่เป็นลบหรือในมิติที่ไม่ดี จึงทำให้มีการรณรงค์และรวมตัวกันของผู้ประกอบวิชาชีพนี้
เพื่อให้เป็นที่ยอมรับของสังคม ก่อนจะถูกกำหนดให้ทุกวันที่ 20 ก.พ.ของทุกปีเป็น “วันทนายความ”
วันทนายความ มีความเป็นมายาวนานตั้งแต่อดีต เริ่มจากในปี พ.ศ. 2500 ทนายความทั้งรุ่นอาวุโสและรุ่นหนุ่มสาวในขณะนั้น
มีแนวความคิดริเริ่มต้องการให้วิชาชีพ ทนายความ ควรมีสถาบันที่เป็นตัวแทนของวิชาชีพทนายความ และเป็นอิสระควบคุมดูแลกันเอง
จึงได้ประชุมกันก่อตั้งสมาคมทนายความแห่งประเทศไทยขึ้น โดยจดทะเบียนก่อตั้ง เมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2500
ต่อมา สมาคมทนายความแห่งประเทศไทยได้ร่วมกันใช้ความเพียรพยายามเรียกร้องและผลักดันร่างกฎหมาย พระราชบัญญัติทนายความเข้าสู่สภาผู้แทนราษฎร
จนกระทั่งเมื่อปี พ.ศ.2528 จึงประสบผลสำเร็จออกประกาศใช้เป็นกฎหมาย โดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงลงพระปรมาภิไธย
ในพระราชบัญญัติทนายความ พ.ศ.2528 เมื่อวันที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2528 และมีผลบังคับใช้มาจนถึงปัจจุบันนี้
การประกาศใช้ดังกล่าวทำให้ วันที่ 20 กุมภาพันธ์ของทุกปี จึงถือเป็น “วันทนายความ”
และเป็นวันอันสำคัญยิ่งของมวลสมาชิกสภาทนายความ ที่ต้องน้อมรำลึกถึงวันเริ่มต้นการต่อสู้เพื่อได้มาซึ่งความเป็นอิสระ
แห่งวิชาชีพทนายความสามารถควบคุมดูแลกันเองตามพระราชบัญญัติทนายความ 2528
ทั้งนี้ เมื่อมาถึงวันทนายความของทุกปี สมาชิกสภาทนายความทั่วประเทศจึงได้ร่วมมือกันจัดกิจกรรม เพื่อแสดงพลังสามัคคี
และแสดงความพร้อมในการทำหน้าที่ช่วยเหลือประชาชนผู้ยากไร้และไม่ได้รับความเป็นธรรม ตลอดจนหน้าที่เผยแพร่ความรู้ทางกฎหมาย
ให้แก่ประชาชน ตามบทบาทที่กำหนดไว้ในพระราชบัญญัติทนายความ 2528 อีกด้วยย้อนยุค “ สมาคมทนายความ ”
เมื่อปีพุทธศักราช ๒๔๕๗ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงก่อตั้งเนติบัณฑิตยสภา ซึ่งเป็นปีเดียวกันกับพระราชบัญญัติ
ทนายความฉบับแรกใช้บังคับโดยอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของเนติบัณฑิตยสภา จนในที่สุดเมื่อจำนวนคดีมากขึ้น ศาลก็เพิ่มขึ้น ทนายความก็เพิ่มขึ้น
ทนายความจึงรวมตัวกันก่อตั้งเป็น “ สมาคมทนายความ ” ขึ้น เมื่อวันที่ ๒๐ เดือนกุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๕๐๐
เมื่อสังคมมีการพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว ความเปลี่ยนแปลงในสังคมเริ่มซับซ้อนและมีมากขึ้นตามลำดับ ประชาชนต่างก็ได้รับผลกระทบจากสังคมมากขึ้น
สมาคมทนายความได้เล็งเห็นความสำคัญกับผลการเปลี่ยนแปลงที่จะกระทบต่อประชาชน ดังนั้น การพึ่งพากฎหมายจึงเป็นเรื่องที่สำคัญ
ความห่วงใยในสวัสดิภาพและการช่วยเหลือดูแลทนายความด้วยกันเองจึงเป็นเรื่องจำเป็น จึงเป็นมูลเหตุให้เกิดแนวคิดให้มีสภาทนายความเกิดขึ้น
การสัมมนาของทนายความจึงมีอย่างต่อเนื่อง จนในที่สุดสมาคมทนายความ จึงได้จัดสัมมนานักกฎหมายแห่งประเทศไทย ขึ้นในเดือนมกราคม
พุทธศักราช ๒๕๑๓ และได้ยื่นข้อสรุปสัมมนาเสนอต่อรัฐบาล

หลังจากยื่นข้อสรุปไม่นาน สำนักนายกรัฐมนตรีก็ได้มีหนังสือตอบรับทราบ และนำเสนอต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณา สมาคมทนายความ
ก็ได้พยายามติดตามมาโดยตลอด อีก ๔ ปีต่อมาคือในปีศักราช ๒๕๑๗ จึงมีการเสนอร่างพระราชบัญญัติทนายความเข้าสู่การพิจารณา
ของสภานิติบัญญัติ แต่ก็ต้องตกไปเนื่องจากสภานินิบัญญัติสิ้นสภาพ ต่อมาในปีพุทธศักราช ๒๕๑๗ และ ๒๕๑๘ ก็มีการเสนอร่าง
พระราชบัญญัติฯเข้าสูการพิจารณาอีก แต่ก็ต้องตกไปเนื่องจากการสิ้นสภาพของสภานิติบัญญัติเช่นกัน
จนกระทั่งในปีพุทธศักราช ๒๕๒๒ มีการระดมความคิดเห็นจากทนายความทั่วประเทศจัดประชุมแก้ไขและพิจารณาปรับกรุงร่างพระราชบัญญัติฯ
รวมทั้งประชุมทนายความที่เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภาเพื่อขอความคิดเห็นประกอบในการร่างพระราชบัญญัติทนายความ
และพยายามผลักดันให้มีการตราพระราชบัญญัติทนายความมาโดยตลอด จนกระทั่งเมื่อวันที่ ๑๐ เดือนกันยายน พุทธศักราช ๒๕๒๘ “ สภาทนายความ ”
จึงเกิดขึ้นได้ตามพระราบัญญัติ ทนายความ พุทธศักราช ๒๕๒๘ กว่า ๑๕ ปีที่ทนายความได้พยายามต่อสู้รณรงค์จนเกิดผลสำเร็จ
ดังนั้น ในวันที่ ๒๐ เดือนกุมภาพันธ์ ของทุกๆปี จึงเรียกว่า “วันทนายความ”

สภาทนายความจึงเป็นองค์กรตามกฎหมายที่ก่อตั้งขึ้นตามพระราชบัญญัติทนายความ พุทธศักราช ๒๕๒๘
เพื่อให้ทนายความปกครองดูแลกันเอง และมีวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้ คือ
๑. ส่งเสริมการศึกษาและการประกอบวิชาชีพทนายความ
๒. ควบคุมมรรยาททนายความ
๓. ส่งเสริมความสามัคคี และผดุงเกียรติของสมาชิกสภาทนายความ
๔. ส่งเสริม และจัดสวัสดิการให้แก่สมาชิกสภาทนายความ
๕. ส่งเสริม ช่วยเหลือ แนะนำ เผยแพร่ และให้การศึกษาแก่ประชาชนในเรื่องเกี่ยวกับกฎหมาย
ที่มา : www.lawyerscouncil.or.th
ที่มา : www.chiangmainews.co.th

หมวดหมู่: